60 ปี กรมตรวจบัญชีสหกรณ์
      60 ปี แห่งความมุ่งมั่นตั้งใจ
 พัฒนาสหกรณ์ไทยก้าวไกลด้วยบัญชี

 

"ทำบัญชีให้เห็นว่าสมดุลไม่ขาดทุน ถ้าทุกคนสามารถที่จะทำให้พอดีไม่ขาดทุน ประเทศชาติไม่ขาดทุนแน่ และประเทศชาติขาดทุนอย่างนี้ ไม่ขาดทุน อยู่รอด ข้อสำคัญเป็นอย่างนี้ ที่ว่าเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ใช่ว่าพอเพียงในการบริโภค แต่ให้พอเพียงในการ
มีชีวิตอยู่ บางคนก็อาจจะรวยได้ทีเดียว” พระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ภูมิพลอดุลยเดช ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรการดำเนิน งานศูนย์ศึกษาพัฒนาการห้วยทราย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2541
 
       จากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการ
ทำบัญชี ซึ่งไม่เพียงเป็นเครื่องมือวัดความสำเร็จทางธุรกิจและแสดงสถานะทางการเงิน แต่ยัง
เป็นพื้นฐานสำคัญของการดำเนินชีวิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน จึงมีความมุ่งมั่น
และตั้งใจเรื่อยมา ที่จะส่งเสริมให้เกษตรกร เยาวชน และประชาชนทั่วไป ได้มีความรู้
ความเข้าใจ และเห็นความสำคัญของการทำบัญชี ควบคู่กับการพัฒนาสหกรณ์ไทยให้มีระบบ
การบริหารจัดการด้านการเงินการบัญชีที่โปร่งใสและเข้มแข็ง
       ในวันที่ 12 มีนาคม 2555 นี้ นับเป็นวันสำคัญที่กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จะครบรอบการ
สถาปนา ปีที่ 60 หากเปรียบเทียบกับช่วงอายุของคนแล้ว ในมุมหนึ่งอาจมองว่าเป็นวัยที่เริ่ม
โรยราและถึงเวลาแก่การพักผ่อน แต่ในทางกลับกัน วัย 60 ปี ของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
ยังเป็นวัยที่สดใสและมีไฟมุ่งมั่นในการพัฒนางานให้ดีขึ้นเรื่อยไปอย่างไม่หยุดยั้ง โดยนำ
ความรู้ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในงานที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมเป็นแรงผลักดันที่จะ
เดินหน้าตามภารกิจในการตรวจสอบบัญชี วางระบบบัญชี และให้คำปรึกษาแนะนำการบริหาร
จัดการด้านการเงินการบัญชีแก่สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร โดยในปี 2555 กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ มุ่งเดินหน้า 5 งานหลัก ดังนี้ 
       1.) งานเสริมสร้างภูมิปัญญาทางบัญชี ซึ่งเป็นงานสำคัญที่กรมฯ ดำเนินการมา
อย่าง
ต่อเนื่อง สนองตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
เพื่อเสริมสร้างภูมิปัญญาทางบัญชีให้แก่เกษตรกร เยาวชน และประชาชนทั่วไป เพื่อให้มี
ความรู้ความเข้าใจในเรื่องการทำบัญชี โดย ชูโครงการเด่น "จูงมือน้องน้อยบนดอยสูง” และ
"ครูบัญชีวัยใสที่ชายแดน” เพื่อปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนในพื้นที่ห่างไกล ได้รู้จักการทำบัญชี
สามารถคิดคำนวณ รู้รายรับ-รายจ่าย และดำเนินชีวิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งจะเป็น
พื้นฐานสำคัญที่ทำให้เด็กเติบโตอย่างมีคุณภาพ
       2.) พัฒนางานสอบบัญชี ใช้ IT เต็มรูปแบบ โดยผลักดันให้สหกรณ์นำโปรแกรมระบบ
บัญชีสหกรณ์ครบวงจร ที่กรมตรวจฯพัฒนาขึ้น ไปใช้ในการบริหารจัดการด้านการเงินการบัญชี
ซึ่งจะช่วยให้สหกรณ์บริหารจัดการได้อย่างครบวงจร สามารถจัดทำงบการเงินตามรูปแบบที่
นายทะเบียนสหกรณ์กำหนด ออกรายงานผลการวิเคราะห์งบการเงิน และรายงานเตือนภัยได้
อัตโนมัติ สามารถปิดบัญชีได้เร็ว สมาชิกก็จะได้รับเงินปันผลและเงินเฉลี่ยคืนเร็ว
       3.) เน้นการใช้ประโยชน์บัญชีในสหกรณ์ทุกระดับ โดยมุ่งเน้นการให้คำแนะนำการ
บริหารจัดการด้านการเงินการบัญชีกับโครงสร้างธุรกิจของสหกรณ์ ตลอดจนการเตือนภัยทาง
การเงิน และให้สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ทุกแห่งเป็น"คลินิกกรมตรวจบัญชีสหกรณ์”สำหรับ
ดูแลและเป็นที่ปรึกษาด้านการเงินการบัญชี
       4.) พัฒนาผู้ตรวจสอบกิจการและครูบัญชีอาสา โดยมุ่งส่งเสริมศักยภาพผู้ตรวจสอบ
กิจการ ในด้านต่างๆ รวมถึงขีดความสามารถในการเตือนภัยและให้คำแนะนำแก้ปัญหาแก่
สหกรณ์ได้อย่างทันท่วงที ตลอดจนพัฒนาครูบัญชีอาสาให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น ครอบคลุมทุกพื้นที่
เพื่อเป็นแรงสำคัญในการถ่ายทอดความรู้ทางบัญชีให้แก่กลุ่มเป้าหมายได้อย่างทั่วถึง
       5.) จัดตั้งมูลนิธิ "60 ปี กรมตรวจบัญชีสหกรณ์” เพื่อสนับสนุนและเผยแพร่ภูมิปัญญา
ทางบัญชีและพัฒนาส่งเสริมงานด้านบัญชี อย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายเครือข่ายอันเป็นประโยชน์
ต่อสหกรณ์ นอกจากนี้ ยังได้ก่อตั้งสถาบันพัฒนานักบริหารงานบัญชีสหกรณ์แห่งชาติ หรือ
"นิคแคท” (NICADD) ซึ่งกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ร่วมกับสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย
และมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ร่วมกันจัดตั้ง ให้เป็นสถาบันฝึกอบรมทางวิชาการเชิงปฏิบัติการ
และเสริมสร้างประสบการณ์เชิงรุกให้แก่บุคลากรในขบวนการสหกรณ์ ให้เป็นนักบริหารงาน
บัญชีสหกรณ์ เพื่อการขับเคลื่อนพัฒนาสหกรณ์ในประเทศไทยไปสู่ระดับอาเซียน
       "ในปี 2555 กรมตรวจฯ จะเปลี่ยนวิธีคิดในการบริหารงาน โดยยึด
  นโยบายการมีส่วนร่วมจากภายนอก หรือ Outside In ด้วยการรับฟังให้
  มากขึ้น เปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกเข้ามามีส่วนร่วม มีการเสนอความ
  คิดเห็นในฐานะผู้รับบริการ เพื่อจะได้นำแนวคิดดังกล่าวมาปรับปรุง
  พัฒนางานให้มีความสอดคล้องกับความต้องการของเขา เพราะผมคิด
  เสมอว่า ผู้รับบริการควรจะได้ร่วมคิด ร่วมพัฒนาไปกับกรมฯ ด้วย
  อย่างไรก็ตาม กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ก็มีความมุ่งมั่นและพร้อมที่จะ
  สนับสนุนภาคสหกรณ์ ยกระดับสู่ความเป็นสากล ช่วยส่งเสริมให้
  สหกรณ์มีความเข้มแข็งและก้าวไกลต่อไปอย่างยั่งยืนด้วย” นายจักรี
  สุจริตธรรม อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวถึงความมุ่งมั่นในฐานะ
  หัวเรือใหญ่ ที่พร้อมจะเดินเคียงข้างไปกับผู้ปฏิบัติงานทุกคน รวมทั้ง
  องค์กรเครือข่ายต่างๆ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนภารกิจของกรมตรวจบัญชี
  สหกรณ์ ให้เดินหน้าอย่างมั่นคง
       จากก้าวแรกจนถึงก้าวปัจจุบัน นับเป็นเวลา 60 ปี ที่กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ยังคงรักษา
มาตรฐานและคุณภาพในการทำงานอย่างเข้มแข็ง พร้อมกับเปิดรับสิ่งใหม่ๆ และปรับตัวให้
สอดคล้องกับสถานการณ์ในยุคปัจจุบัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการเป็นองค์กรหลักที่มุ่งมั่น
พัฒนาสหกรณ์ไทย ให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนสืบไป.