กรมตรวจบัญชีสหกรณ์จับมือกรมส่งเสริมสหกรณ์ Kick Off
‘ประกาศนโยบายขับเคลื่อนความเข้มแข็งของสหกรณ์และ
กลุ่มเกษตรกรฯ’ บูรณาการยกระดับสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร
เข้มแข็งอย่างยั่งยืน
 
      กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ร่วมกับ กรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตร
และสหกรณ์ จัดกิจกรรม Kick Off "ประกาศนโยบายขับเคลื่อนความเข้มแข็ง
ของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรแบบบูรณาการ พุ่งเป้าสู่องค์กรสมรรถนะสูง
และเติบโตอย่างยั่งยืน” เพื่อดำเนินการขับเคลื่อนความเข้มแข็งสหกรณ์และ
กลุ่มเกษตรกรแบบบูรณาการ ตามเกณฑ์การประเมินความเข้มแข็งสหกรณ์
และกลุ่มเกษตรกรไปสู่การปฏิบัติร่วมกัน โดยได้รับเกียรติจาก นางสาวมนัญญา
ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธี
พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการพัฒนาสหกรณ์ให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลง
ร่วมด้วย นางสาวอัญมณี ถิรสุทธิ์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ นายวิศิษฐ์
ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ มอบนโยบายในหัวข้อ "ปรับแนวคิด
บูรณาการงานสหกรณ์สู่อนาคตการสหกรณ์อย่างยั่งยืน” ณ ห้องประชุม 126 
กรมส่งเสริมสหกรณ์ และถ่ายทอดผ่านระบบออนไลน์ Zoom Meeting
      นางสาวอัญมณี ถิรสุถทธิ์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวว่า กิจกรรมการ
Kick Off "ประกาศนโยบายขับเคลื่อนความเข้มแข็งของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรแบบ
บูรณาการ พุ่งเป้าสู่องค์กรสมรรถนะสูง และเติบโตอย่างยั่งยืน” เป็นกิจกรรมที่กรมตรวจ
บัญชีสหกรณ์ให้ความร่วมมือกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ ดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนยกระดับ
ให้สหกรณ์มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
ประเด็น ด้านการเกษตร เชื่อมโยงกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13
และแผนพัฒนาการสหกรณ์ ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2566 - 2570) ที่มีเป้าหมายให้สหกรณ์มี
ความเข้มแข็งเพิ่มขึ้น กรมตรวจบัญชีสหกรณ์และกรมส่งเสริมสหกรณ์ จึงร่วมทบทวน
เกณฑ์การประเมินความเข้มแข็งสหกรณ์ โดยมีเกณฑ์การประเมินความเข้มแข็งสหกรณ์
ใน 4 มิติ เพื่อให้สอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน นำไปสู่การปฏิบัติ
ร่วมกัน ซึ่งในส่วนของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ รับผิดชอบหลัก
ใน 2 มิติ ประกอบด้วย
    1. มิติที่ 2 ประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ เป็นการประเมินความเข้มแข็งของ
สหกรณ์จากอัตราส่วนทางการเงินของสหกรณ์ ในการดำเนินธุรกิจและการบริหารงาน
ของสหกรณ์ โดยพิจารณาจาก 4 ด้าน ได้แก่ ความเข้มแข็งทางด้านเงินทุน ผลตอบแทน
ต่อสินทรัพย์ ประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ และสภาพคล่องทางการเงิน โดยมีอัตรา
ส่วนทางการเงินที่นำมาใช้กำหนดเป็นตัวชี้วัดจำนวน 6 ตัวชี้วัด
     2. มิติที่ 3 ประสิทธิภาพในการจัดการองค์กร เป็นการประเมินความเข้มแข็งจาก
ชั้นคุณภาพการควบคุมภายในว่าสหกรณ์มีการควบคุมภายในที่ดีหรือไม่ ซึ่งเป็นมิติสำคัญ
ในการสะท้อนความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนของสหกรณ์
      อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้กำหนด
แนวนโยบายหลักในการปรับแนวคิดบูรณาการงานสหกรณ์สู่อนาคตการสหกรณ์อย่างยั่งยืน
ใน 3 ประเด็น ได้แก่
     1.สร้างเสริมให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร สามารถใช้ข้อมูลทางการเงินในการ
วางแผนบริหารจัดการ โดยส่งเสริมให้ผู้สอบบัญชีถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจ
แก่คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ให้มีความเข้าใจข้อมูลทาง
การเงิน อัตราส่วนทางการเงิน และการแปรผลจากอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ โดยเฉพาะ
อัตราส่วนทางการเงินในมิติหลัก เพื่อหาแนวทางในการเฝ้าระวังและเตือนภัยทางการเงิน
ของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร การยกระดับคุณค่าในรายงานผลการตรวจสอบบัญชี
โดยผลักดันให้คณะกรรมการฯ นำผลการวิเคราะห์ไปใช้ดำเนินการปรับปรุงในส่วน
ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความเข้มแข็งในการบริการจัดการภายในสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร
รวมไปถึงบูรณาการร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแล ให้มีความรู้และความสามารถในการ
วิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการส่งเสริมและเฝ้าระวังเตือนภัย
ทางการเงินด้วย
     2.การส่งเสริมให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรมีระบบการควบคุมภายใน โดยสร้าง
การรับรู้เรื่องระบบการควบคุมภายในที่ดีแก่คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร
ให้เห็นถึงประโยชน์และความสำคัญของการควบคุมภายในที่ดี รวมทั้งส่งเสริมและผลักดันให้
คณะกรรมการฯ ปรับปรุงแก้ไขวิธีดำเนินการปฏิบัติงาน เพื่อยกระดับชั้นคุณภาพการควบคุม
ภายใน มีการบูรณาการความร่วมมือระหว่างคณะกรรมการ ฝ่ายจัดการ ผู้ตรวจสอบกิจการ
ผู้ตรวจการสหกรณ์และผู้สอบบัญชี ร่วมกันแก้ไขปัญหา และผลักดันให้สหกรณ์มีการติดตาม
การแก้ไขปัญหา
     3. การส่งเสริมให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรใช้งานโปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์
โดยผลักดันให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรใช้งานโปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์ เพื่อประโยชน์
ในการบันทึกบัญชีและการจัดทำงบการเงินที่สะดวก รวดเร็ว แทนการจัดทำบัญชีด้วยมือ
เพื่อรองรับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน รวมถึงการต่อยอดการใช้งาน Application
Smart4M ที่พัฒนาโดยกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ โดยเฉพาะโปรแกรม Smart Member ที่สมาชิก
สามารถตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกรรมร่วมกับสหกรณ์ได้ทุกที่ ทุกเวลา และส่งเสริมให้นำข้อมูล
ทางการเงินและบัญชีมาใช้ในการบริหารงาน สามารถนำเทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลมาใช้
เช่น โปรแกรมเฝ้าระวังและเตือนภัยทางการเงินของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร (CFSAWss)
เพื่อช่วยเหลือผู้ใช้งานให้สามารถวิเคราะห์เฝ้าระวังและเตือนภัยทางการเงินของสหกรณ์และ
กลุ่มเกษตรกรได้อย่างครอบคลุมอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม
     "กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ และกรมส่งเสริมสหกรณ์ นับเป็น 2 หน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญ
ในการพัฒนาความเข้มแข็งแก่สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร จากการบูรณาการความร่วมมือใน
ครั้งนี้ ผู้ปฏิบัติงานของทั้ง 2 กรม จึงต้องศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับรายละเอียดของ
กณฑ์ประเมินความเข้มแข็งฯ ทั้ง 4 มิติ อย่างถี่ถ้วน เพื่อให้เกิดความชัดเจน รู้ถึงบทบาท
หน้าที่และป้าหมายสู่ความสำเร็จ มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกัน เพื่อให้สามารถขับเคลื่อน
งานไปในทิศทางเดียวกัน รวมไปถึงการนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาปรับใช้ในการ
ปฏิบัติงานในส่วนต่าง ๆ ปรับปรุงข้อมูลในฐานข้อมูลสารสนเทศของทั้ง 2 หน่วยงานให้
เป็นปัจจุบัน เพื่อประโยชน์ในการนำข้อมูลไปใช้ในการพัฒนาสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร
ห้ความเข้มแข็งอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป” อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าว.