กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ หนุนเกษตรกรนำหลักเกษตรทฤษฎีใหม่       
ไปปรับใช้ พร้อมทำบัญชีต่อยอดความสำเร็จ
 
        นางบริสุทธิ์ เปรมประพันธ์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวว่า กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้ร่วมขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ ภายใต้การนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีนโยบายให้มีการขับเคลื่อนการส่งเสริมเกษตรทฤษฎีใหม่ให้มีความเหมาะสมและสามารถเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรให้มีกินมีใช้ ลดหนี้สิน โดยมีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมให้การสนับสนุน ​​เพื่อให้เกษตรกรได้รับความรู้ สามารถปรับเปลี่ยนแนวคิดและรูปแบบในการทำมาหากิน การประกอบอาชีพให้มีศักยภาพในการพึ่งพาตนเอง โดยสามารถลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ให้กับตนเองและครอบครัว ซึ่งจากนโยบายดังกล่าว กรมฯ ได้มอบหมายให้สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ทั่วประเทศ ดำเนินการสอนแนะการจัดทำบัญชีต้นทุนอาชีพ แก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาการเกษตรตามแนวเกษตรทฤษฎีใหม่ เพื่อพัฒนาเกษตรกรให้สามารถเข้าใจและดำเนินวิถีชีวิตตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และมีบัญชีเป็นเครื่องมือในการเข้าถึงแก่นแท้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สามารถมองเห็นสถานะทางการเงินของตนเอง รู้ตัวตน และมองเห็นปัจจัยแวดล้อมที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิต ซึ่งเป็นหลักสำคัญในการนำมาบริหารจัดการสู่ความพอเพียง สามารถวิเคราะห์ข้อมูลทางบัญชีนำไปวางแผนจัดการภาคการเกษตรและครัวเรือน และปรับเปลี่ยนแนวคิดและรูปแบบในการประกอบอาชีพ เพื่อลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ สู่การพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
      อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวอีกว่า ตัวอย่างของครูบัญชีท่านหนึ่งที่นำแนวคิดเกษตรทฤษฎีใหม่ไปปรับใช้ในการประกอบอาชีพ จนเกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นเกษตรกรต้นแบบเกษตรทฤษฎีใหม่ ก็คือ นายยวง เขียวนิล เกษตรกรดีเด่น สาขาบัญชีฟาร์ม ระดับภาค ประจำปี 2560 จากเดิมที่เคยประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างแต่ไม่ประสบความสำเร็จและมีหนี้สินมาก อีกทั้งติดสุราเรื้อรัง จนกระทั่งเปลี่ยนมาทำอาชีพเกษตรกรรม โดยน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตและมีการทำเกษตรทฤษฏีใหม่หรือการทำเกษตรแบบผสมผสาน มาปรับพื้นที่เพาะปลูกของตนเองให้เป็นไร่นาสวนผสม แบ่งพื้นที่เป็น 30-30-30-10 ได้แก่ แหล่งน้ำ 30% ไม้ยืนต้นและต้นไม้ที่เก็บกินได้ 30% นาข้าว 30% และที่อยู่อาศัย 10% ซึ่งเป็นหลักการในการบริหารการจัดการที่ดินและน้ำเพื่อการเกษตรในที่ดินขนาด  เล็ก ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมั่นคง ยั่งยืน เป็นแบบอย่างให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ ในเรื่องของการสร้างรายได้ อยู่ได้อย่างพอเพียง สามารถพึ่งพาตนเองได้ ลดการพึ่งพาสารเคมี รักษาสมดุลสิ่งแวดล้อม โดยใช้ผลลัพธ์ของตนเองเป็นแบบอย่างให้แก่เกษตรกร ทำให้มีเกษตรกรหลายคนค่อยๆ ปรับเปลี่ยนพื้นที่การเกษตรจากเดิมที่ทำนาปลูกข้าวอย่างเดียวเป็นทำการเกษตรแบบผสมผสาน ทำนาแบบเปียกสลับแห้ง นอกจากนี้ ครูยวงยังสามารถคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อนำมาใช้ในการลดต้นทุนการผลิตในไร่นาสวนผสม เช่น จัดทำเครื่องเก็บไฟฟ้าโดยใช้แผงโซล่าเซล นำไปใช้สูบน้ำในนา บ่อปลาฯ การจัดทำตะกร้อเก็บผลไม้ ฯ
        ครูยวง ได้สนองนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มและรวมพื้นที่การผลิตเป็นแปลงขนาดใหญ่ครอบคลุมทั้งด้านพืช ประมง และปศุสัตว์ เพื่อช่วยให้เกษตรกรเข้าถึงข้อมูลแหล่งทุน ทรัพยากรและการตลาด ง่ายต่อการจัดการผลผลิตให้มีประสิทธิภาพและได้ผลผลิตที่มีคุณภาพสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ซึ่งจะทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูก เพิ่มผลผลิต ลดต้นทุนและสร้างรายได้ที่ยั่งยืน โดยปัจจัยสำคัญในการสร้างความสำเร็จก็คือ การทำบัญชี ซึ่งครูยวงมีการจดบันทึกบัญชีรับ-จ่ายในครัวเรือน และบัญชีต้นทุนอาชีพ มาตลอดจนถึงปัจจุบัน และนำบัญชีมาศึกษาวิเคราะห์เพื่อวางแผนในการทำนา ปลูกพืชในฤดูถัดไปอย่างเป็นระบบ และจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ที่บ้าน ชื่อว่า"ศูนย์ศรียวง”ซึ่งปัจจุบันเป็นศูนย์ปราชญ์ของจังหวัดนนทบุรี โดยมีการสอนแนะการทำบัญชีฟาร์มและเกษตรทฤษฎีใหม่ให้กับกลุ่มเยาวชน และเกษตรกร นิสิตนักศึกษา ข้าราชการที่สนใจ เพื่อให้รู้ถึงต้นทุนที่แท้จริง และนำบัญชีที่จดไปช่วยการวางแผนในการดำเนินชีวิต และการประกอบอาชีพ โดยได้สร้างเครือข่ายครูบัญชีให้สามารถถ่ายทอดความรู้ทางบัญชีแก่เกษตรกรและประชาชนได้ต่อไปอีกด้วย.