กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สร้างนวัตกรรม
เพื่อป้องกันความเสียหายและผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินของสหกรณ์
 
         นางบริสุทธิ์ เปรมประพันธ์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวว่า จากภาวะเศรษฐกิจของไทยที่ยังมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง เกิดความเปราะบางของความสามารถในการชำระหนี้ทั้งภาคเศรษฐกิจและภาคครัวเรือนที่มีแนวโน้มถดถอยลง ประกอบกับพฤติกรรมในการแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น สะท้อนจากการขยายตัวของการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามที่ลูกค้าหรือนักลงทุนคาดหวัง ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวได้ขยายตัวผ่านเข้าสู่ระบบสหกรณ์ออมทรัพย์เพิ่มมากขึ้น จะเห็นได้จากข้อมูลการวิเคราะห์ภาวะเศรษฐกิจทางการเงินในภาพรวมของสหกรณ์ออมทรัพย์ ปี 2558 เปรียบเทียบกับปี 2557 มีอัตราการเพิ่มขึ้นของเงินรับฝากถึงร้อยละ 15.15 และมีเงินค่าหุ้นที่ระดมจากสมาชิกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 9.4 ในขณะที่อัตราการให้กู้ยืมแก่สมาชิกลดลง ร้อยละ 2.59 ดังนั้น หากสหกรณ์ต้องการแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้นตามที่คาดหวัง อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการที่สหกรณ์นำเงินที่ระดมได้จากสมาชิกไปดำเนินการลงทุนที่มีความเสี่ยง หรือนอกกรอบวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายใน วงกว้างและกระทบต่อเสถียรภาพระบบการเงินของสหกรณ์และประเทศได้
          กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งกำหนดมาตรการในการเฝ้าระวังและกำกับดูแล โดยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการสร้างระบบเตือนภัยทางการเงินแก่สหกรณ์ในระบบ Real Time เพื่อให้สหกรณ์ได้มีข้อมูลสารสนเทศที่ถูกต้อง ทันการณ์ และสามารถรู้เท่าทันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น อีกทั้งยังได้วางกลยุทธ์ในการสร้างมาตรฐานจริยธรรมด้านการเงินการบัญชีแก่ผู้บริหารสหกรณ์ เพื่อให้สหกรณ์มีผู้บริหารที่ "เก่ง” และ "ดี” มีความเป็นมืออาชีพ ที่สามารถรับมือกับภาวะความเสี่ยงในการบริหารการเงิน ความผันผวนทางเศรษฐกิจและการเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จากระบบสหกรณ์
         อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ยังกล่าวอีกว่า กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างนวัตกรรมการให้บริการเพื่อนำข้อมูลสารสนเทศที่มีคุณค่า สู่การพัฒนาองค์กรและสหกรณ์ ให้มีความเข้มแข็งอย่างมั่นคง และมีความพร้อมก้าวเข้าสู่ยุค Thailand 4.0