กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ระดมครูบัญชีอาสาลงพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม
 
กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เร่งเครื่องสนองนโยบายรัฐบาล ส่งครูบัญชีอาสาลงพื้นที่
ประสบภัยน้ำท่วม 52 จังหวัด สอนทำบัญชีรับ-จ่ายในครัวเรือนและบัญชีต้นทุนอาชีพ
ให้เกษตรกรมีความรู้เรื่องการทำบัญชีและการวางแผนการใช้เงินอย่างมีระบบ 
หวังให้เกษตรกรไทยหมดหนี้สิ้น มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
          นายสิงห์ทอง  ชินวรรังสี  อธิบดีกรม
   ตรวจบัญชีสหกรณ์  เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่าขณะนี้
   ผู้ประสบภัยน้ำท่วมจะได้รับความช่วยเหลือจาก
   ภาครัฐในหลายๆ โครงการด้วยกัน เป็นต้นว่า
   ในเรื่องของการช่วยเหลือด้านอาชีพ การทำงาน
   รวมไปถึงเงินชดเชย  แต่หากเกษตรกรได้รับ
   การช่วยเหลือเป็นเงินแล้วไม่รู้จักใช้จ่าย 
   ไม่รู้จักควบคุม  เงินเหล่านี้ก็อาจจะถูกใช้จ่ายไป
   ในทางที่ไม่เป็นประโยชน์กับครอบครัว 
       ทั้งนี้  กรมตรวจบัญชีสหกรณ์  ได้ส่งเจ้าหน้าที่อาสาสมัครเกษตรด้านบัญชี (ครูบัญชีอาสา) ลงพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม เพื่อถ่ายทอดความรู้และหลักการทำบัญชีรับ-จ่ายในครัวเรือน และบัญชีต้นทุนอาชีพ  ให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วมในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนที่ผ่านมาในพื้นที่
52 จังหวัด  โดยวางเป้าหมายสอนแนะเกษตรกรจัดทำบัญชี จำนวน 32,000 คน ซึ่งในปัจจุบันได้รับการสอนแนะและฝึกปฏิบัติไปแล้วเกินกว่าเป้าหมาย รวม 36,000 คน

       อย่างไรก็ตาม  กรมตรวจบัญชีสหกรณ์  จะยังคงส่งครูบัญชีอาสาลงพื้นที่สอนแนะเกษตรกรผู้ประสบภัยน้ำท่วมต่อไป พร้อมแนะให้เกษตรกรผู้ประสบภัยมีกำลังใจในการเริ่มต้นฟื้นฟูพื้นที่
ทำกินใหม่ และเข้ารับการอบรมการจัดทำบัญชีรับ-จ่ายในครัวเรือนและบัญชีต้นทุนอาชีพ 
เพราะเชื่อว่า หากเกษตรกรเริ่มต้นทำบัญชีและทำอย่างต่อเนื่องแล้ว จะสามารถรับรู้และวิเคราะห์ข้อมูลทางบัญชีได้ว่า จะทำอย่างไรให้รายได้สัมพันธ์กับรายจ่าย จะต้องใช้เงินลงทุนต่อไร่
เท่าไหร่  และประการสำคัญ  การจัดทำบัญชีจะช่วยเกษตรกรวางแผนการใช้จ่ายเงินได้
อย่างมีระบบ รู้รายรับ  รู้รายจ่าย  รู้ต้นทุนในการเพาะปลูก  รู้กำไรขาดทุน  เพื่อวางแผนการผลิต  ลดต้นทุนการผลิตซึ่งจะส่งผลให้อนาคตเกษตรกรหมดหนี้ได้
        ด้านนางบัวคลี่  แก้วสุข อายุ 43 ปี  เกษตรกร
ผู้ประสบภัยน้ำท่วม หมู่บ้านเพชร ตำบลหนองระเวียง อำเภอพิมาย  จังหวัดนครราชสีมา  เป็นบุคคลหนึ่ง
ที่จัดทำบัญชีมาโดยตลอด  กล่าวว่า ก่อนที่จะประสบปัญหาน้ำท่วมช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนที่ผ่านมานั้น ได้รับผลกระทบบางส่วนเท่านั้น และได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลแล้ว โดยเฉพาะในส่วนของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์  ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาอบรม
ให้ความรู้ เรื่องการทำบัญชีเบื้องต้น โดยส่วนตัวแล้ว
ได้เริ่มทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายและบัญชีต้นทุนอาชีพ
มาตั้งแต่ ปี 2549 แล้ว  และเป็นครูบัญชีอาสาด้วย
จึงไม่ได้รับผลกระทบเท่าที่ควร เพราะได้วางแผน
มาตลอดในเรื่องของการใช้จ่ายอย่างมีระบบ
การบันทึกบัญชีต้นทุนอาชีพอย่างสม่ำเสมอ  ก็สามารถใช้เป็นหลักฐานการขอเงินชดเชยจากรัฐได้เมื่อยามเจอภัยพิบัติ  ซึ่งการทำบัญชีทำให้เราสามารถรู้รายรับรายจ่ายได้อย่างชัดเจน และสามารถทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะที่ผ่านมาทางบ้านฐานะยากจนมาก แต่ปัจจุบันสามารถสร้างฐานะความเป็นอยู่ของครอบครัวให้ดีขึ้น และมีอาชีพที่มั่นคงในการดำรงชีวิต