กรมตรวจฯ สานต่อโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังฯ

กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ สานต่อโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังฯ บูรณาการส่งเสริม
อาชีพครบวงจร 3 จังหวัด พร้อมสอนแนะนำบัญชีรับ-จ่ายในครัวเรือน ยกเครื่องบัญชี
ต้นทุนอาชีพ แก่เกษตรกรเป้าหมายกว่า 4,000 ราย
 
        นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากการที่กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ได้บูรณาการขับเคลื่อนการพัฒนาอาชีพและส่งเสริม รายได้ให้แก่ราษฎรในโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2548 ถึงปัจจุบัน ได้สานต่อการพัฒนาอาชีพเกษตรกรในพื้นที่โครงการฯดังกล่าวตามเขตส่งเสริมและพัฒนาอาชีพหรือโซนนิ่ง (Zoning) 5 เขต ได้แก่ เขตปลูกข้าวเพื่อการค้า เขตปลูกข้าวเพื่อบริโภค เขตปลูกยางพาราและไม้ผล เขตปลูกปาล์มน้ำมัน และเขตเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง โดยกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้ให้ความรู้ด้านการจัดทำบัญชี และพัฒนาเกษตรกรให้มีความสามารถจัดการวางแผนด้านการประกอบอาชีพของตนเองได้อย่างยั่งยืน เน้นให้เกษตรกรยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
      
            "ปี 2557 นี้ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ได้มีแผนเร่งอบรมสอนแนะนำทำบัญชีรับ-จ่ายในครัวเรือน และสอนแนะนำการจัดทำบัญชีต้นทุนอาชีพให้กลุ่มเกษตรกรรายใหม่ในพื้นที่ โครงการฯ
3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช สงขลา และพัทลุง โดยมีเป้าหมายเกษตรกร จำนวน 3,728 คน นอกจากนั้น ยังสอนแนะนำการวิเคราะห์บัญชีต้นทุนอาชีพให้เกษตรกรรายเดิม จำนวน 746 คน"
           นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวว่า "สิ่งสำคัญของการจดบันทึกบัญชี มิใช่การจดอย่างเดียว ต้องรู้จักนำตัวเลขไปวิเคราะห์ว่ายังมีอะไรที่บกพร่อง เช่น การใช้จ่ายเงิน ในชีวิตประจำวัน มีค่าใช้จ่ายอะไรที่ฟุ่มเฟือยหรือไม่จำเป็น ต้องลด ละ เลิก ส่วนการทำบัญชีต้นทุนอาชีพ ต้องทบทวนแก้ไขส่วนที่ผิดพลาด และพัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไป ตัวอย่างเช่น ครูบุญเรือน ทองจำรัส เกษตรกรในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อาชีพทำนา เป็นตัวอย่างที่ดี ที่ปรับเปลี่ยนชีวิตได้จากการปลูกข้าวนาปีไว้กินที่เหลือขาย และปลูกข้าวนาปรังเพื่อเพิ่มรายได้ มุ่งเน้นการผลิตข้าวอินทรีย์แบบครบวงจร เป็นมิตรกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และยังขยายผลด้วยการถ่ายทอดความรู้ให้แก่คนในชุมชน ถ้าทุกคนทำได้ก็อาจรวยได้”
           นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้ครูบัญชีในพื้นที่ คอยติดตามสอนแนะนำ และกระตุ้นให้เกษตรกรในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังจัดทำบัญชี และวิเคราะห์ต้นทุนอาชีพแต่ละอาชีพ ทำให้เกษตรกร
เห็นประโยชน์ของการทำบัญชี แล้วยังสามารถนำข้อมูลบัญชีมาวางแผนการผลิตและปรับลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง เช่น ค่าปุ๋ยเคมีและสารเคมีกำจัดแมลงศัตรูพืช และสารกำจัดวัชพืช ซึ่งจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น เป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยปลดหนี้ได้ ที่สำคัญยังทำให้มีวินัยทางการเงิน และมีเงินออม อันจะทำให้เกษตรกรประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพอย่างยั่งยืน