กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ บริการเยี่ยม คว้ารางวัลนวัตกรรมดีเด่น
กรมตรวจบัญชีสหกรณ์โชว์ผลงานคุณภาพการให้บริการประชาชน คว้า 2 รางวัล
นวัตกรรมการให้บริการดีเด่นประจำปี 2553จากสำนักงาน ก.พ.ร.
เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2553 กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ นำโดย นายสิงห์ทอง ชินวรรังสี
อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เข้ารับรางวัลดีเด่น ประเภทนวัตกรรมการให้บริการ ปี 2553
จากนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเป็นรางวัลของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนา
ระบบราชการ (ก.พ.ร.) ณ ห้องเจ้าพระยา หอประชุมกองทัพเรือ กรุงเทพฯ
นายสิงห์ทอง ชินวรรังสี อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากมติคณะ
รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2546 ให้ส่วนราชการดำเนินการลดขั้นตอนและระยะเวลา
การปฏิบัติราชการเพื่อประชาชนลงร้อยละ 30 50 ดังนั้นเพื่อให้ส่วนราชการต่าง ๆ ได้ปรับปรุง
และพัฒนาคุณภาพการให้บริการให้สามารถอำนวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการ
ของประชาชนอย่างแท้จริง คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) จึงกำหนดให้มีการ
ติดตามประเมินผลและมอบรางวัลคุณภาพการให้บริการประชาชนให้แก่ส่วนราชการที่พัฒนา
คุณภาพการให้บริการตอบสนองตามความต้องการของประชาชนได้อย่างมีคุณภาพตาม
มาตรฐานที่กำหนด
ทั้งนี้ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้ส่งกระบวนงานบริการเพื่อขอรับการประเมินเพื่อรับรางวัล
คุณภาพการให้บริการประชาชน ประจำปี 2553 และ ก.พ.ร.มีมติให้กรมตรวจบัญชีสหกรณ์
ได้รับ 2 รางวัล คือ รางวัลดีเด่น ประเภทนวัตกรรมการให้บริการ สำหรับกระบวนงาน
การตรวจสอบบัญชีสหกรณ์ด้วยระบบ FAS และ CAD Plan และรางวัลดีเด่น ประเภทนวัตกรรม
การให้บริการ สำหรับกระบวนงานการให้คำปรึกษา เพื่อสร้างความมั่นคงเข้มแข็งแก่สหกรณ์
(SEVA 2009)
เราได้รางวัลดีเด่นประเภทนวัตกรรมการให้บริการสำหรับกระบวนงานการตรวจสอบบัญชี
สหกรณ์ด้วยระบบ FAS และ CAD plan และสำหรับกระบวนงานการให้คำปรึกษาเพื่อสร้างความ
มั่นคงเข้มแข็งแก่สหกรณ์ SEVA 2009 ซึ่ง ทาง ก.พ.ร. เห็นว่านวัตกรรมที่นำเสนอมีการ
เปลี่ยนแปลงในการให้บริการเพื่อพัฒนาองค์กรสหกรณ์อย่างเป็นระบบและสร้างมูลค่าเพิ่มในองค์กร
ได้ อีกทั้งพิสูจน์ให้เห็นว่าระบบสามารถทำให้ผู้รับบริการมีความรู้ ความสามารถ เข้าใจในการนำ
ข้อมูลมาบริหารจัดการในภาพรวมของสหกรณ์ รวมทั้งทำให้สมาชิกทราบรายรับ รายจ่าย
ต้นทุนการผลิต สามารถกำหนดราคาสินค้าให้ได้มาตรฐานที่นับเป็นประโยชน์อย่างมากต่อขบวนการ
สหกรณ์ นายสิงห์ทอง กล่าว
สำหรับโปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์ครบวงจร (Cooperative Full Pack Accounting Software :
FAS) เป็นชุดโปรแกรมที่กรมตรวจบัญชีสหกรณ์พัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้ในการเพิ่มศักยภาพการบริหารงาน
สหกรณ์ เพื่อให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมการให้บริการสมาชิกให้เป็นแบบ One Stop Service การจัด
การระบบข้อมูลที่รวดเร็วโดยสะท้อนออกมาในรูปของความเร็วในการปิดบัญชี รวมทั้งการเสนอข้อมูล
แก่ผู้บริหารสหกรณ์ได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้รัฐบาลสามารถบูรณาการข้อมูลสหกรณ์ทั้งระบบ ซึ่งจะนำ
ไปสู่การพัฒนาเชิงระบบ อันจะก่อให้เกิดความสำเร็จที่ยั่งยืนแก่สหกรณ์ ในปัจจุบันมีสหกรณ์ที่ใช้
โปรแกรมระบบบัญชีที่พัฒนาโดยกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จำนวน 2,580 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 65.88
ของสหกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีการบัญชีสหกรณ์ทั้งสิ้นจำนวน 3,916 แห่ง อีกร้อยละ 34.12 เป็นสหกรณ์
ที่ใช้โปรแกรมระบบบัญชีของเอกชน ทั้งนี้ สหกรณ์ที่ใช้โปรแกรมระบบบัญชีครบวงจรที่พัฒนาโดย
กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ขณะนี้มีจำนวน 1,919 แห่ง แยกเป็นสหกรณ์ภาคเกษตร จำนวน 1,494 แห่ง
หรือคิดเป็นร้อยละ 77.85 และเป็นสหกรณ์นอกภาคเกษตรอีก 425 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 22.15
ส่วนนวัตกรรม SEVA 2009 (Social & Economic Value Added) เพื่อเป็นเครื่องมือชี้ช่องทาง
การแก้ปัญหาการดำเนินการให้แก่สหกรณ์ ใน 3 ประเด็นหลัก คือ
(1) แนวทางการสร้างกำไรเพิ่มขึ้น
(2) การลดยอดลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)
(3) การดำรงทุนในระดับที่เหมาะสม
สหกรณ์สามารถนำแนวทางดังกล่าว ไปปรับใช้ตามสถานการณ์ทางการเงินของแต่ละแห่ง
โดยบันทึกข้อมูลทางการเงินที่เกิดขึ้นจริงของสหกรณ์แต่ละแห่ง ซึ่งเครื่องมือ SEVA จะแสดงผล
ให้สหกรณ์ทราบถึงปัญหาที่เป็นอยู่อย่างชัดเจน และสหกรณ์สามารถนำลักษณะปัญหาดังกล่าว
ไปพิจารณาว่าจะแก้ปัญหาตามข้อเสนอแนะของเครื่องมือ SEVA นี้ในรายละเอียดต่อไป
อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า จะเร่งดำเนินการนำเครื่องมือ SEVA สู่การ
ใช้จริง ในสหกรณ์ทั่วประเทศ สหกรณ์ภาคการเกษตร สหกรณ์ประเภทออมทรัพย์ และสหกรณ์
เครดิตยูเนี่ยน ในปีงบประมาณ 2554 นี้ โดยเร็ว