ผสานความร่วมมือผลักดันประสิทธิภาพการบริหารจัดการ
การบัญชีและการเงินในสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน

กรมตรวจบัญชีสหกรณ์  ร่วมกับ  ชุมนุมสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนแห่งประเทศไทย
จำกัด  นำโดย  นายประสพสิน  แม้นทิม  รองอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ 
และ นายนิพนธ์  สมพื้น  ประธานกรรมการดำเนินการชุมนุมสหกรณ์เครดิต
ยูเนี่ยนแห่งประเทศไทย จำกัด  ลงนามข้อตกลงผลักดันประสิทธิภาพ
การบริหารจัดการทางการบัญชีและการเงินของภาคสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน  
ณ ชุมนุมสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนแห่งประเทศไทย จำกัด  เมื่อวันที่ 6
ตุลาคม 2553  หวังเพิ่มความเข้มแข็งของสหกรณ์  สะท้อนคุณภาพชีวิตสมาชิก

       นายประสพสิน  แม้นทิม  รองอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์  เปิดเผยภายหลังว่า  ในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ภาคธุรกิจและสถาบันการเงินของไทยที่มีการแข่งขันกัน
อย่างรุนแรง  ต่างต้องปรับตัว  และหาหนทางในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ  ป้องกันความเสี่ยงรอบด้าน  ซึ่งธุรกิจในภาคสหกรณ์ก็เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะ
สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน  ที่มีจำนวนกว่า  500  แห่ง ในปัจจุบัน   กระจายอยู่ทั่วทุกภาค
ของประเทศ  จากการรวมตัวของสมาชิกว่า 6 แสนคน  ทุนดำเนินงาน กว่า  3  หมื่น
3 พันล้านบาท  และที่สำคัญวงเงินการจัดการธุรกิจ  ซึ่งเป็นธุรกิจรับฝากและให้สินเชื่อ 
มีอยู่กว่า  3  หมื่น 7 พันล้านบาท  ผู้บริหารสหกรณ์จึงต้องให้ความสำคัญในประสิทธิภาพ
การบริหารจัดการ  โดยเฉพาะด้านบัญชีและการเงิน  ซึ่งมีโจทย์ที่ท้าทายสำหรับ
การดำเนินงานของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น  การบริหารความเสี่ยง
ด้านเครดิต  การบริหารความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง  รวมไปถึงการบริหารความเสี่ยง
ด้านการตลาด
       การผนึกกำลังในภาคสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนด้วยกัน  เพื่อยกระดับศักยภาพ
การบริหารงานให้มีระบบการควบคุมภายในที่ดีมีประสิทธิภาพ  ก่อให้เกิดรูปแบบการ
ให้บริการแก่สมาชิกแบบเบ็ดเสร็จ  หรือ One Stop Service ดังนั้น  กรมตรวจบัญชี
สหกรณ์  และชุมนุมสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนแห่งประเทศไทย จำกัด  จึงตกลงร่วมกัน
ในการขับเคลื่อนการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการภาคสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน 
โดยดำเนินการพัฒนากระบวนการบนพื้นฐานมาตรฐานการบัญชีทั้งในด้าน
(1) การพัฒนาบุคลากรของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน  (2) การพัฒนาเครื่องมือและกลไก
ภายใต้มาตรฐานการเงินและการบัญชีสหกรณ์  หรือ Full Pack Accounting  และ
(3) การส่งเสริมสนับสนุนการออมแก่สมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน
       นอกจากนี้  รองอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์  ยังได้เปิดเผยถึง  ภาพรวม
ภาวะเศรษฐกิจทางการเงินในภาคสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน  รอบ 3 ปีที่ผ่านมาว่า 
ในปี 2552  มีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนทั่วประเทศ จำนวน 492 แห่ง  เพิ่มขึ้นจากปี 2550 
ร้อยละ 2.07  มีสมาชิก  5  แสนคน  เพิ่มขึ้นจากเดิม ร้อยละ 45.97 ทุนดำเนินงาน
ในรอบปี 2552  เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 67.75  จาก  14,116  ล้านบาท  เป็น 23,681
ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทุนภายใน ถึง 19,225 ล้านบาท ธุรกิจของสหกรณ์เครดิต
ยูเนี่ยนทั้งการรับฝากและให้สินเชื่อ มีวงเงินสูงถึง 24,874 ล้านบาท  เพิ่มขึ้นจาก
ปี 2550  ร้อยละ  68.15 
       ด้านผลการดำเนินงาน  ทำรายได้รวมในรอบปี 2552 จำนวน 2,320 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นร้อยละ 75.65  ขณะที่รายจ่ายรวมเพิ่มขึ้น  ร้อยละ 89.61  ส่งผลให้กำไรสุทธิ
เพิ่มขึ้น  ร้อยละ 48.57  จาก  449.47  ล้านบาท  เป็น  667.80 ล้านบาท  ภาพรวม
สมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน  มีเงินออมเฉลี่ย  30,690 บาท ต่อคนต่อปี  เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 4.07  ขณะที่มีหนี้สินเฉลี่ย 34,040 บาท ต่อคนต่อปี
       ล่าสุด  ปี  2552  ระดับการควบคุมภายในของภาคสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนส่วนใหญ่อยู่ในระดับดีร้อยละ 61.77  รองลงมาอยู่ในระดับพอใช้  ร้อยละ  23.82  ในด้านระดับ
การเฝ้าระวังและเตือนภัยทางการเงินนั้น  มีสหกรณ์อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวังมากขึ้น 
ร้อยละ 37.50  และเฝ้าระวังพิเศษ  ร้อยละ 36.54