เก็บมาฝากหลากกิจกรรมส่งเสริม “บัญชี” ในงานสามทศวรรษ
การพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร
 
       ภายในงานประชุมวิชาการ สามทศวรรษ การพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร
ตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  ภาคใต้   หอประชุม
เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา จังหวัดสงขลา มีการจัดแสดงหลากหลายนิทรรศการโครงงานของนักเรียนในพื้นที่ภาคใต้ และหนึ่งในนั้น เป็นโครงงานด้าน “บัญชี” อาทิ โครงการ “ทำบัญชีแล้วมีเงินออม” ของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนสันติราษฎร์ประชาบำรุง จังหวัดตรัง, โครงการ “บัญชีต้นกล้า พาให้ออม” ของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านบาโรย จังหวัดสงขลา, โครงการ “เรียนรู้การออม” ของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนโรงงานยาสูบ 2 จังหวัดยะลา และโครงการ “สร้างอาชีพเพื่อการออม” ของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน
 บ้านพันวาล  จังหวัดชุมพร เป็นต้น

 

       “...โครงงานที่จัดทำขึ้น อยากจะศึกษาว่า เด็กนักเรียนที่มียอดการออมน้อย  ทำอย่างไร
ที่จะฝึกให้เขารู้จักการออมเพิ่มมากขึ้น  เพื่อที่จะให้เขามีชีวิตที่ดีในอนาคต เพราะเมื่อเด็กนักเรียนรู้จักการออมแล้ว  เด็กนักเรียนก็จะติดตัวไปในอนาคต  เติบโตเป็นผู้ใหญ่  ความยากจนก็จะ
ลดน้อยลง...”  ดาบตำรวจเจริญ  พรหมแก้ว  ครูผู้รับผิดชอบโครงการ “เรียนรู้การออม”โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนโรงงานยาสูบ 2 จังหวัดยะลา ได้บอกถึงที่มาของการจัดทำโครงการนี้ขึ้น 
       ในขณะที่ สิบตำรวจตรีหญิงอ้อยใจ ใจเที่ยง ผู้รับผิดชอบโครงการ “สร้างอาชีพเพื่อการออม” โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดบ้านพันวาล จังหวัดชุมพร  กล่าวว่า โครงการนี้เกิดขึ้นจากการที่ทางโรงเรียน อนุญาตให้แม่ค้า นำสินค้ามาจำหน่ายภายในโรงเรียน  ซึ่งทำให้นักเรียนซื้อสินค้าจนไม่มีเงินออม  ทางโรงเรียนจึงมีแนวคิดว่า น่าจะมีโครงการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับนักเรียน และอีกอย่าง ทำให้นักเรียนรู้จักใช้จ่ายอย่างประหยัด เพราะว่า การหาเงินมาได้แต่ละอย่างนั้น 
 มันไม่ใช่เรื่องง่าย
       แม้ว่ากิจกรรมส่งเสริมของแต่ละโรงเรียน อาจจะมีที่มาจากหลากเหตุผล หลายแนวความคิดที่แตกต่างกัน  แต่ทุกกิจกรรมล้วนมุ่งส่งเสริมวินัยทางการเงินให้แก่เด็กและเยาวชน ให้รู้จักจดบัญชี  เพื่อจะได้มีเงินออม และยังประโยชน์สู่อนาคตต่อไป  อย่างไรก็ตาม  กิจกรรมต่างๆ เหล่านี้  ไม่ได้จัดขึ้นเฉพาะกิจ  หากหลายโรงเรียนได้วางแผนการดำเนินโครงการระยะยาวอีกด้วย  ดังเช่น
สิบตำรวจเอกหญิงกาญจนา หนูขวัญ จากโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนสันติราษฎร์ประชาบำรุง จังหวัดตรัง ได้กล่าวถึงการขยายผลระยะยาวของโครงการ “ทำบัญชีแล้วมีเงินออม”  ว่า
       “...หากโครงการนี้  ดำเนินไปด้วยดี  ก็จะมีการส่งเสริมการออมต่อไปค่ะ  โดยจะให้รุ่นพี่
มาสอนบัญชีรุ่นน้อง อาจจะให้พี่ ป.4- ป.6 จับคู่น้อง ป.1- ป.3 แล้วเรียนรู้ไปพร้อมกันกับ
การทำบัญชี...” 
       นอกจากโรงเรียนจะมองการณ์ไกลในการส่งเสริมวินัยทางการเงินแก่เด็กนักเรียนแล้ว ก็ได้ขยายผลไปสู่ผู้ปกครองของนักเรียนในโรงเรียน โดยมีการจัดอบรมการจัดทำบัญชี  ซึ่งในเรื่องนี้  นางบุษผา  พวงพวา  ผู้แทนผู้ปกครองของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านบาโรย
จังหวัดสงขลา ได้เล่าให้ฟังถึงที่มาของการทำบัญชีว่า  มาจากการที่ทางโรงเรียนได้จัดอบรม
ส่งเสริมเรียนรู้การทำบัญชี

       “ครูเชิญมาอบรมพร้อมกันกับเด็กๆ ก็เลยลองดู ว่ามันจะมีผลกับตัวเองอย่างไรบ้าง  เราจะรู้ไหมว่า  เรามีรายรับเท่าไหร่ต่อเดือน มีรายจ่าย หรือเป็นหนี้ใครบ้าง ก่อนหน้านี้ไม่เคยทำบัญชี แบบว่าบ้านๆ น่ะค่ะ ได้รายรับมา เราก็จ่ายไป พอมาอบรมก็เลยลองกลับไปทำพร้อมๆ กันเลยทั้งแม่ทั้งลูก และการที่เราเห็นตัวเลขก็ทำให้เราพยายามลดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป...”

 
       ในที่สุดโครงงานต่างๆ จะไม่ประสบผลสำเร็จ  หากไม่ได้รับความร่วมมือจากกลุ่มเป้าหมาย
ตัวน้อย  ซึ่งจากที่ได้พบปะ ต่างตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า  บัญชีมีคุณประโยชน์  น้องๆ จึงส่งท้ายด้วยเสียงเล็กๆ สั้นๆ แต่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกที่จริงใจกับเราได้ว่า “บัญชีดีอย่างไร”  และเสียงเล็กๆ  เหล่านี้จะเป็นกำลังใจที่ดีสำหรับโรงเรียนที่จะมุ่งมั่นคิดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการออมของเด็กและเยาวชนต่อไป

 

“การทำบัญชี ช่วยให้มีเงินออมค่ะ  เป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ด้วยค่ะ”

“บัญชีทำให้รู้รายรับ รายจ่ายครับ รู้ว่า เราจ่ายเท่าไหร่ เราได้มาเท่าไหร่”

“หนูอยากให้เพื่อนๆ ฝึกฝนการทำบัญชี ให้รู้รายรับ รายจ่าย รู้ต้นทุน รู้การออมในการทำบัญชีค่ะ”

“อยากให้เพื่อนๆ ทำบัญชีมากๆ เพื่อจะได้รู้รายรับรายจ่ายค่ะ”

“มีเงินออมจะได้เก็บไว้เรียนต่อ และรักษาพ่อแม่ตอนป่วยครับ”