กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ประกาศเกียรติคุณ ผู้ได้รับพระราชทาน

           เข็มเชิดชูเกียรติ ผู้ปฏิบัติราชการสนองพระเดชพระคุณ

             สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี

                      และรางวัลดีเด่นด้านต่างๆ ประจำปี 2555

 

นายวิจักร อากัปกริยา อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เปิดเผยว่า ในปีนี้กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ได้ขอพระราชทานเข็มเชิดชูเกียรติ(เด็กผมจุก)แก่ผู้ปฏิบัติงานสนองพระเดชพระคุณสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรม ราชกุมารี จำนวน 99 ราย และผู้ได้รับประกาศเกียรติคุณข้าราชการพลเรือนดีเด่น ลูกจ้างประจำดีเด่น และพนักงานราชการดีเด่น ประจำปี 2555 จำนวน 33 ราย โดยแบ่งเป็น ข้าราชการพลเรือนดีเด่น จำนวน 12 ราย ลูกจ้างประจำดีเด่น จำนวน 10 ราย พนักงานราชการดีเด่น จำนวน 11 ราย

"สำหรับผู้ได้รับเข็มพระราชทานถือว่าเป็นมงคลอย่างยิ่งแก่ พวกเราทุกคนที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ โปรดกระหม่อมพระราชทานเข็มเชิดชูเกียรติ แก่ผู้ปฏิบัติราชการสนองพระเดชพระคุณ โดยกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ขอพระราชทานตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2550 จำนวน 198 ราย ได้รับมาแล้ว 96 ราย และในครั้งนี้ได้รับ         พระราชทานส่วนที่เหลือ จำนวน 99 ราย โดยมอบให้ผู้อำนวยการสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ที่ 1-10 และผู้อำนวยการสำนักในส่วนกลางเป็นตัวแทนรับมอบไปแล้ว การประดับเข็มใช้ประกอบเครื่องแบบทุกชนิด โดยประดับที่อกเสื้อด้านขวา เหนือกระเป๋า และใช้ประดับเครื่องแต่งกายที่เหมาะสมในโอกาสอันสมควร ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับเข็มถือว่าเป็นสิริมงคล ขอให้ทุกคนที่ได้รับเข็มภาคภูมิใจที่ได้มีโอกาสสนองงานตามพระราชดำริ ขอให้พวกเราทุกคนตั้งใจทำงานเพื่อพระองค์ท่าน และประเทศชาติต่อไป” นายวิจักร กล่าว

ส่วนผลการคัดเลือกสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ดีเด่นประจำปี 2555 มีสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ ที่ได้ประกาศเกียรติคุณดีเด่น แบ่งเป็น รางวัลชนะเลิศสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ ขนาดใหญ่พิเศษ ได้แก่ สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์อุบลราชธานี สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ขนาดใหญ่ ได้แก่ สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์แพร่ สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ขนาดกลาง ได้แก่ สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ฉะเชิงเทรา และสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ขนาดเล็ก ได้แก่ สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์สตูล

นายวิจักร ยังได้กล่าวต่อไปว่า ในโอกาสที่กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ได้ดำเนินงานมาครบ 61 ปี และก้าวสู่ปีที่ 62 ในปีนี้ กรมฯ ได้ให้ความสำคัญในการเร่งพัฒนาบุคลากรให้มีเชี่ยวชาญ มีความเข้มข้นและจริงจังในการปฏิบัติงานตรวจสอบบัญชี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อบกพร่องหรือการทุจริตขึ้นในสหกรณ์ โดยเป็นในลักษณะของการเฝ้าระวัง ดูแล ส่งเสริม สนับสนุนสุขภาพของสหกรณ์ รวมทั้งการป้องปราม เตือนภัย จากการที่เข้าไปตรวจสอบ และแจ้งข้อบกพร่องแก่สหกรณ์ว่าควรจะแก้ไขปรับปรุงอย่างไร ประเด็นสำคัญคือการเน้นในเรื่องของคุณภาพและมาตรฐานเป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ประเทศไทยจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน จึงจำเป็นต้องสร้างความเข้มแข็งของบุคลากรให้มากขึ้น เพราะถ้าชุมชนใหญ่ขึ้น การแข่งขันก็จะมากขึ้น ใครแข็งแรงกว่าก็จะอยู่รอด ใครอ่อนแอก็จะเสียเปรียบ ดังนั้นจึงต้องมีการเตรียมความพร้อมในการพัฒนามาตรฐานในการทำงาน รวมทั้งด้านภาษา ที่จำเป็นต้องรู้ภาษาที่สอง ภาษาที่สามเพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้นอันดับแรกจึงต้องพัฒนาทรัพยากรบุคคล ให้มีความรู้ความสามารถเรื่องที่สองคือ การพัฒนาเครื่องมือในการทำงาน ซึ่งกรมฯ ก็ได้มีการพัฒนาเครื่องมือและเทคโนโลยีต่างๆ อยู่เสมอ เช่น โปรแกรมระบบบัญชี ซึ่งเป็นโปรแกรมครบวงจรและมีคุณภาพ โดยสหกรณ์หรือกลุ่มเกษตรกร สามารถนำไปใช้ติดตั้งในสหกรณ์ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งนี้หากมีปัญหาในการใช้งาน สามารถขอคำแนะนำปรึกษาได้ที่สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ทุกจังหวัดทั่วประเทศ.