ก้าวเล็ก ๆ...ที่คุณครูเฝ้าดู  บนเส้นทางของ...My little Farm

     โครงการ  My little Farm เป็นโครงการที่ไม่เพียงแต่จะสร้างสรรค์เยาวชนไทยให้รักใน
อาชีพเกษตรกรรม  เรียนรู้การทำเกษตรแบบพอเพียงสามารถคิดคำนวณรายรับรายจ่าย
ควบคุมต้นทุนการผลิตเท่านั้น หากแต่ยังหวังกระตุ้นให้โรงเรียน คุณครู  และผู้ปกครอง
ให้ความสนใจด้านการเกษตรอีกด้วย  และตลอดระยะเวลา 56 วัน ที่ผ่านมา ที่ถือได้ว่า
เป็นห้วงเวลาอันทรงคุณค่าแห่งการจดจำ  ภาพที่เราเห็นกันอย่างชัดเจน คือ ปฏิบัติการ
ของเด็ก ๆ  ไม่ว่าจะเป็น การได้เรียนรู้วิถีชีวิตเกษตรกร  การอยู่ร่วมกัน ความรัก ความสามัคคี 
การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางภาษา วัฒนธรรม ท้ายที่สุดคือความภาคภูมิใจที่ได้เห็นผลงาน
ของตนเองผลิดอกออกผล  เป็นรางวัลตอบแทนความเหน็ดเหนื่อย 
       ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังที่เฝ้าดูน้อง ๆ และหายจากความเหน็ดเหนื่อย
เมื่อได้เห็นความสำเร็จของน้อง ๆ  นั่นคือผู้ที่เป็นครู ซึ่งให้ความรักความสนใจ
ในด้านการเกษตร  ซึ่งจะเห็นได้ชัดจากความรู้สึกของคุณครูปัญญา นิรพันธ์
โรงเรียนบ้านเหล่า(รัฐราษฎร์บำรุง) จังหวัดแพร่ ที่ว่า

  "...ครูรู้สึกปลื้มใจ  และภาคภูมิใจมากที่ได้มาอยู่ในอ้อมอกของกันตนา  และกรมตรวจ
บัญชีสหกรณ์ ที่ได้รับการดูแลเอาใจใส่  และให้ความรู้แก่เด็ก ๆ เพราะเป็นเรื่องยากที่จะ
ให้ทุกโรงเรียน  หรือทุกหน่วยงานเห็นความสำคัญของการเกษตร เพราะการเกษตร
เป็นวิถีชีวิตของคนไทย  อย่างน้อยถ้าเราไมได้ทำเพื่อการตลาด  เพื่อการค้า เราก็ยังมี
อาหารที่ปลอดภัยสำหรับการบริโภค  และเป็นการปลูกฝังให้เด็กได้รู้จักความอดทน
ความขยัน  และรู้จักปรับใช้วัสดุในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์  ลดภาวะโลกร้อน และทำให้
โลกใบนี้มีสีเขียวเพิ่มมากขึ้น  หากแม้ทีมของเราจะไม่ใช่ที่หนึ่ง แต่ก็ภาคภูมิใจในความ
สามารถของเด็ก ๆ ที่เขาได้ทำอย่างเต็มที่สุดความสามารถของพวกเขาแล้ว..."

   หรือแม้แต่คุณครูที่มาจากแดนไกล อย่างคุณครูประไพ  เหลียววงษ์ภูธร  โรงเรียนวัดสุธาวาส
จังหวัดสุราษฎร์ธานี  ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่เสียสละเวลาส่วนตัวเพื่อมาดูแลน้อง ๆ แม้จะเจอทั้งปัญหา
และอุปสรรคมากมาย คุณครูก็ไม่ยอมแพ้ หวังเพียงแค่ให้น้อง ๆ จะได้มีเวลาเก็บเกี่ยวความรู้
ประสบการณ์ดี ๆ ไปปรับใช้กับชีวิตที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า และสามารถนำไป
พัฒนาชุมชนของตนเองได้

  "..ก่อนหน้านี้ทางโรงเรียนก็สอนเด็ก ๆ ในเรื่องการทำบัญชีอยู่บ้าง แต่การที่เด็ก ๆ ได้
เข้ามาเรียนรู้ตรงนี้ทำให้พวกเขาสามารถเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง  เรียนรู้การอยู่ร่วมกัน
รู้จักความสามัคคี  มีคุณธรรม และสามารถนำกลับไปพัฒนาชุมชนของตนเองได้   และ
ที่สำคัญเด็กก็ได้รับแบบอย่างที่ดีจากผู้ใหญ่ เพราะตอนนี้เด็กสามารถเรียนรู้ได้จากสื่อ
จากตำรามากมาย  แต่แบบอย่างจากผู้ใหญ่จะป็นตำราชั้นดี  ที่เด็กสามารถนำไปปรับใช้ได้จริง..."
      
    คำว่า "ครู"  เป็นคำง่าย ๆ สั้น ๆ  แต่มิใช่คนทุกคนจะเป็นครูได้ เพราะครูต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง
ผ่านการลองผิดลองถูกให้แน่ใจเสียก่อน  แล้วนำความรู้เหล่านั้นมาถ่ายทอดจากประสบการณ์จริง
ผ่านทางความรู้สึกรักและเสียสละมายังลูกศิษย์ โดยเฉพาะในเรื่องการเกษตร ที่ต้องการจะปลูกฝัง
ให้กับเยาวชนไทย ดังเช่น ครูทิพย์วรรณ  มีรักษา  โรงเรียนอัมพวันวิทยา  จังหวัดสมุทรสาคร
ซึ่งครั้งหนึ่งได้นำนักเรียนเข้าสู่  การแข่งขันในรอบแรก กล่าวให้ข้อคิดแก่เด็ก ๆ ว่า

       "ครูได้ทดลองทำจุลินทรีย์สังเคราะห์ที่ยังไม่มีใครทำ  ขณะนี้เป็นภาวะโลกร้อน 
เราก็จะทำวิกฤตให้เป็นโอกาส  คือใช้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงซึ่งใช้กับผักต่าง ๆ 
เจริญเติบโตได้ดี...ไร้สารพิษ..."

       ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความรู้สึกส่วนหนึ่งของผู้เป็นครู  ผู้ที่ใคร ๆ มักเปรียบเปรยครูเสมือนเรือจ้าง
แต่ต่างเพียงแค่ค่าโดยสารของเรือลำนี้มิใช่เงินตรา  หากแต่ว่าเป็นความภาคภูมิใจ ที่ได้เห็น
ผู้โดยสารประสบความความสำเร็จเพียงแค่นั้น  เด็ก ๆ สามารถ คิดและลงมือทำให้เกิดผลสำเร็จได้จริง...
แต่หากได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่หลาย ๆ ฝ่ายช่วยปลูกฝัง  เฝ้าดู ให้กำลังใจ ช่วยเหลือเมื่อมีโอกาส
อนาคตของเด็กไทย จะก้าวไกลอย่างมั่นคง...แน่นอน