อายุเท่าไหร่ถึงจะเป็นเกษตรกรได้...
"...การเลี้ยงกบก็จะเลี้ยงในกระชัง เราจะทำเหมือนกับการถมขั้น ให้สูง แล้วเอาผ้าใบมาปู มันจะทำให้กบไม่ร้อน เพราะว่าน้ำข้างล่างมันเย็น มีจอก มีผักตบ ต่างกับการเลี้ยงในบ่อปูนซีเมนต์ เพราะว่าปูนซีเมนต์ พอแดดร้อนปูนก็จะดูดความร้อนไว้ พออากาศเย็นปูนซีเมนต์ก็จะปล่อย ความร้อนขึ้นมา และจะทำเป็นแพลูกบวบให้กบพัก เพราะว่าถ้าเค้าอยู่ในน้ำ นานไปตัวเค้าจะบวมและก็ตายได้ครับ และเราจะถ่ายน้ำบ่อกบไปรดแปลงผัก ได้ครับ เพราะว่าน้ำในบ่อกบจะมีสารอาหารอยู่แล้ว... ...ด้านการบัญชีก็จดรายวัน แยกต้นทุนเป็นรายการต่าง ๆ ที่ทำ เช่น
ปลูกผัก เลี้ยงกบ ต้นทุนไม่เหมือนกัน..." หลายคนได้ยินคำพูดนี้แล้ว อาจจะคิดว่าเป็นแนวความคิดของปราชญ์
ชาวบ้านหรือเกษตรกรผู้มากด้วยประสบการณ์ แต่น่าทึ่งที่แนวคิดเหล่านี้ มาจาก
เด็กตัวเล็ก ๆ น้องเจมส์ กิตติศักดิ์ เชื้อวงศ์ หนึ่งในผู้เข้าแข่งขันในโครงการ
ค้นหาสุดยอดเด็กไทยหัวใจเกษตร "My Little Farm" และยังมีอีกหลายความคิด
จากเด็ก ๆ ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเสียด้วยซ้ำ แต่กลับมีความคิด เรื่องการจัดการ
ในแปลงเกษตรของตนเองในพื้นที่ 1 ไร่ ซึ่งเด็ก ๆ พยายามจัดสรรทั้งดินและ
น้ำให้พอเหมาะและเกิดประโยชน์สูงสุด แสดงให้เห็นว่าอายุเท่าไหร่ก็สามารถ
เป็นเกษตรกรที่ดีได้ ขอให้มีใจรัก และรู้จักคิดแก้ไขปัญหาอย่างมีเหตุมีผล
ที่สำคัญต้องรู้จักการเจรจาต่อรองราคา นั่นหมายความว่า ต้องรู้ต้นทุนการผลิต
จึงจะสามารถกำหนดราคาขายได้อย่างเหมาะสม ดังคำกล่าวของอาจารย์
จากคณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ดร.พนามาศ ตรีวรรณกุล
ผู้ช่วยศาสตราจารย์และผู้ช่วยคณะบดีฝ่ายประกันคุณภาพ ที่ฝากไว้ในคราว
เยือนฟาร์มของเด็กไทยหัวใจเกษตรเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2553 ที่ว่า
"การเกษตรไม่ใช่เป็นเพียงแค่ผู้ผลิต และไม่ใช่เพียงรากหญ้าของ
คนไทย เกษตรกรต่อไปก็คือนักวิทยาศาสตร์คนนึงเหมือนกัน แต่เป็น
นักวิทยาศาสตร์ด้านการเกษตร และพัฒนาไปเป็นผู้ประกอบการได้ด้วย
คือหมายถึงสามารถที่จะเป็นผู้ผลิต และก็เป็นผู้ที่จำหน่ายสินค้าได้ แล้วก็
หันมาสู่ภาคการเกษตรมากขึ้น สุดท้ายแล้วเราไม่อยากเห็นว่าแก่แล้วค่อย
มาทำการเกษตร คือภาพตรงนี้มันมีมาตลอดตั้งแต่สมัยโบราณว่า
ถ้ายังไม่แก่ไม่ต้องทำหรอก เดี๋ยวเราแก่แล้วค่อยไปซื้อที่มาทำ มันไม่ใช่
เราสามารถทำการเกษตรได้ตลอดเวลา" |