สหกรณ์การเกษตรบ้านค่าย จำกัด จ.ระยอง สถานะทางบัญชี
เข้มแข็ง บริหารงานโปร่งใส ปิดบัญชีประจำปีได้รวดเร็ว
เพราะใช้โปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์ช่วยบริหารงาน
 
       สหกรณ์การเกษตรบ้านค่าย จำกัด จ.ระยอง ก่อกำเนิดขึ้นจากเกษตรกรใน
พื้นที่ ซึ่งมีปัญหาการทำเกษตรที่หลากหลาย อาทิ การขาดแคลนที่ดินทำกิน ผลผลิต
ไม่มีคุณภาพ การขาดแคลนเงินทุนในการประกอบอาชีพ รวมถึงปัญหาด้านการตลาด
จึงทำให้มีการรวมตัวกันเพื่อจัดตั้งสหกรณ์ขึ้นมาหวังช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน
โดยมีเป้าหมายไม่ใช่เพื่อผลกำไรสูงสุด แต่เพื่อประโยชน์สูงสุดของสมาชิกและผู้
เกี่ยวข้อง อันจะนำไปสู่ความเป็นอยู่ที่ดีของสมาชิก ปัจจุบัน สหกรณ์ฯ นำโปรแกรม
ระบบบัญชีสหกรณ์ครบวงจรและนวัตกรรมที่พัฒนาโดยกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เข้ามา
ช่วยในการบริหารงาน จนสามารถปิดบัญชีประจำปีได้รวดเร็วภายใน 1-2 วัน ส่งผลให้
สหกรณ์มีความเข้มแข็งด้านบัญชี มีระบบการควบคุมภายในที่ดี สมาชิกเกิดความเชื่อมั่น
     นายวงษ์สรรค์ สาครเสถียร ประธานกรรมการสหกรณ์การเกษตรบ้านค่าย
จำกัด จ.ระยอง เปิดเผยว่า ปัจจุบัน สหกรณ์การเกษตรบ้านค่าย จำกัด มีสมาชิก
3,048 คน มีทุนดำเนินงาน ทั้งสิ้น 990 ล้านบาท แหล่งเงินทุนส่วนใหญ่มาจากสมาชิก
ดำเนินธุรกิจการให้สินเชื่อ เงินรับฝาก และจัดหาสินค้ามาจำหน่าย มีปริมาณธุรกิจรวม
933 ล้านบาท นอกจากสหกรณ์จะให้ความสำคัญด้านการบริหารจัดการสหกรณ์ที่เกิด
ประโยชน์แก่สมาชิกแล้ว สหกรณ์มีการพัฒนาเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับสหกรณ์มา
อย่างต่อเนื่อง สหกรณ์ได้นำผลจากการตรวจสุขภาพทางการเงินของสหกรณ์ด้วย
โปรแกรมเฝ้าระวังและเตือนภัยทางการเงินของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร (CFSAWS:ss)
มาติดตามผลการดำเนินงานและพัฒนาปรับปรุงการทำงานทุกไตรมาส พร้อมทั้งส่งเสริม
ให้สมาชิกสหกรณ์ได้ตรวจสอบความถูกต้องข้อมูลตนเองกับสหกรณ์ว่าถูกต้องตรงกัน
ผ่าน Application SmartMember ทำให้ ณ วันนี้สมาชิกเกิดความเชื่อมั่นกับสหกรณ์
อีกทั้งสหกรณ์ยังได้รับผลการประเมินความเข้มแข็งของสหกรณ์ อยู่ในชั้น 1 ติดต่อกัน
หลายปี
     ด้านนางสาวอัญมณี ถิรสุทธิ์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เปิดเผยว่า
"ขอชื่นชมสหกรณ์ที่เจริญเติบโตเรื่อยมา ตั้งแต่ก่อตั้งสหกรณ์เมื่อปี 2505 จนถึงทุกวันนี้
ที่สามารถบริหารสหกรณ์เป็นสหกรณ์การเกษตรขนาดใหญ่ มีสมาชิกรวมกว่า 3 พันคน
การเติบโตทางตัวเลขอย่างต่อเนื่องแสดงถึงความมั่นคงและการบริหารจัดการที่ดีจาก
ความร่วมมือร่วมใจของคณะกรรมการ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายตรวจสอบ และสมาชิก ทำให้
สหกรณ์สามารถดำรงประโยชน์แก่สมาชิกได้ ตามหลักการของสหกรณ์อย่างแท้จริง
ซึ่งกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้เข้ามาช่วยเติมเต็มองค์ความรู้ด้านการเงินการบัญชี และ
การนำเทคโนโลยี นวัตกรรมต่างๆ มาใช้ในการบริหารจัดการสหกรณ์ให้มีประสิทธิภาพ
สร้างความเชื่อมั่นให้สมาชิก จากการทำบัญชีด้วยมือมาสู่การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย
ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์ครบวงจร ที่ทำให้สหกรณ์ปิดบัญชีได้เร็วขึ้น
โปรแกรมเฝ้าระวังและเตือนภัยทางการเงินของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร
(CFSAWS:ss) ที่สหกรณ์นำมาใช้ตรวจสุขภาพทางการเงินเพื่อการวิเคราะห์และเฝ้าระวัง
ได้ นวัตกรรม SmartManage สำหรับคณะกรรมการสหกรณ์ ติดตามผลการดำเนินงาน
ของสหกรณ์ได้ทุกระยะ สามารถนำมาใช้พัฒนาปรับปรุงการดำเนินงานของสหกรณ์ได้
รวมไปถึงการส่งเสริมการใช้นวัตกรรม SmarMember สำหรับสมาชิกสหกรณ์
ใช้ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินของตนเองกับสหกรณ์ได้ตลอดเวลา ผ่านอุปกรณ์
Smart Phone โดยไม่ต้องเข้ามาที่ทำการสหกรณ์ ซึ่งเป็นการช่วยป้องกันและป้องปราม
การทุจริตที่อาจเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ สหกรณ์ ยังได้เข้าร่วมโครงการ THINK & DO
TOGETHER ซึ่งเป็นโครงการที่ผู้เกี่ยวข้อง 5 ฝ่าย ทั้งสหกรณ์ ผู้ตรวจการสหกรณ์
ผู้สอบบัญชีได้ร่วมกันวิเคราะห์แต่ละมุมว่าสหกรณ์มีจุดอ่อนที่ใด ร่วมกันให้ข้อเสนอแนะ
ชี้ให้เห็นจุดเด่นและจุดที่ต้องปรับปรุงแก้ไข วางแผนและติดตามผลซึ่งเป็นประโยชน์
ต่อการพัฒนาสหกรณ์ได้เป็นอย่างดี จากผลการประเมินความเข้มแข็งของสหกรณ์
ทั้ง 4 มิติ จากรายงานทางการเงิน สหกรณ์ได้รับการจัดอยู่ชั้น 1 กรมตรวจบัญชี
สหกรณ์อยากเห็นสหกรณ์ได้รับการประเมินอยู่ในชั้น 1 ตลอดไป ทั้งนี้ กรมฯ จะได้มี
การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อเสริมสร้างให้สหกรณ์มีความมั่นคงและเข้มแข็ง
สามารถเป็นที่พึ่งให้แก่สมาชิกและประชาชนต่อไป"