กตส.ร่วมงานแสดงวิสัยทัศน์เพื่อขับเคลื่อน IGNITE THAILAND
จุดประกายเกษตรไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการเกษตรและอาหารของโลก
เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 นางรพีพร กลั่นเนียม นางสุวรรณี ศรีสุวรรณ์
รองอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร เข้าร่วมงานแสดงวิสัยทัศน์
เพื่อขับเคลื่อน IGNITE THAILAND จุดประกายเกษตรไทยสู่การเป็นศูนย์กลาง
การเกษตรและอาหารของโลก ซึ่งจัดโดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เพื่อแสดง
วิสัยทัศน์ในการพัฒนาภาคเกษตรไทย ยกระดับเกษตรกรรม สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร
ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการเกษตรและอาหารของโลก ผู้เข้าร่วมการสัมมนา
ประกอบด้วย คณะรัฐมนตรี ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หน่วยงานภาครัฐ
ภาคเอกชน สถาบันเกษตรกร นักวิชาการ และเกษตรกร จำนวน 400 คน โดยมี นายเศรษฐา
ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
เกษตรและสหกรณ์ แถลงวิสัยทัศน์และแนวทางเพื่อขับเคลื่อน IGNITE THAILAND
จุดประกายเกษตรไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการเกษตรและอาหารของโลก ณ ตึกสันติไมตรี
ทำเนียบรัฐบาล
โอกาสนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้แถลงวิสัยทัศน์ "IGNITE
Agriculture 2025 ปลุกพลังเกษตรกรไทย ปลูกความยิ่งใหญ่ระดับโลก ว่า นโยบาย
เรื่องการเกษตร เป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะภาคเกษตรเป็น
รากฐานสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยประชากรไทยกว่าร้อยละ
40 ล้วนเกี่ยวข้องกับภาคเกษตร ซึ่งรัฐบาลมีความพร้อม มุ่งมั่นยกระดับภาคเกษตรกรรม ส่งเสริม
เกษตรกรไทย ให้มีรายได้มากขึ้น 3 เท่าใน 4 ปี ดูแลตั้งแต่ต้นน้ำในภาคการผลิต จนไปถึง
การแปรรูปส่งออกไปยังตลาดโลกตลอดห่วงโซ่ ด้วยนโยบายและมาตรการสำคัญ ทั้งมาตรการ
สร้างความเข้มแข็งภาคการเกษตร เริ่มตั้งแต่ปัจจัยการผลิตทั้งดิน น้ำ ปุ๋ย และพันธุ์ให้เหมาะสม
กับสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย ผลิตสินค้าที่ราคาดีเป็นที่ต้องการของตลาด พัฒนาและ
ปรับปรุงพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ไม่ว่าจะเป็นถั่วเหลือง ข้าว มันสำปะหลัง และพืชอื่นๆ ที่สำคัญต่อระบบ
เศรษฐกิจของประเทศ แก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง เพื่อให้เกษตรกรสามารถประกอบอาชีพได้อย่าง
เต็มที่ มุ่งสู่ผลสำเร็จที่ตามมาก็คือภาคเกษตรเติบโต นำรายได้เข้าสู่ประเทศอย่างมหาศาล
นอกจากนี้ รัฐบาลเน้นให้ความสำคัญกับมาตรการการใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรม ผลักดัน
การทำเกษตรแม่นยำ รู้แนวโน้มตลาด และผลิตพืชสินค้าที่แนวโน้มดี เพื่อนำพาภาคการเกษตรไทย
ไปสู่การเป็นศูนย์กลางการเกษตรและอาหารของโลก และเชื่อมั่นว่าผลสำเร็จจากการพัฒนาภาคการ
เกษตร ไม่เพียงแต่จะทำให้ประเทศไทยเป็นที่ยอมรับในระดับโลกเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เกษตรกรไทย
มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีรายได้ดี ปลดหนี้ มีภูมิคุ้มกันและสามารถยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง
อย่างมั่นคงและยั่งยืน
ด้านร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แถลงแนวทาง
ยุทธศาสตร์ "IGNITE THAILAND จุดประกายเกษตรไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการเกษตรและอาหาร
ของโลก ว่าประเทศไทยเป็นผู้ผลิตสินค้าเกษตรและอาหารที่สำคัญของโลก ผลผลิตมีคุณภาพดีเป็นที่
ยอมรับ และภาคเกษตรยังสามารถเชื่อมโยงภาคเศรษฐกิจอื่นๆ ในหลายมิติ อย่างไรก็ตาม ภาคเกษตร
ต้องเผชิญกับปัญหานานับประการที่รอการแก้ไข โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรยังคงมีรายได้ต่ำเมื่อเทียบกับ
ภาคการผลิตอื่นๆ โดยรัฐบาลให้ความสำคัญในการทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ด้วยการใช้ "ตลาดนำ
นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ พร้อมผลักดันเป้าหมายสร้างรายได้เพิ่มขึ้น 3 เท่า ใน 4 ปี ผ่านการขับเคลื่อน
ด้วย 2 มาตรการ ได้แก่ 1. มาตรการสร้างภูมิคุ้มกันและความยั่งยืน และ 2. มาตรการยกระดับสินค้าเกษตร
สู่การเพิ่มรายได้
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะดำเนินการร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน
สถาบันการศึกษา โดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกร ที่จะร่วมกันขับเคลื่อนทั้ง 2 มาตรการ เพื่อนำพาภาคเกษตรไทย
สู่ "ศูนย์กลางการเกษตรและอาหารของโลก ควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตความกินดีอยู่ดีของ
เกษตรกรไทย คนในภาคการเกษตรจะต้องมีเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้น 3 เท่า ภายใน 4 ปีนี้ ซึ่งในระยะเวลา
6 เดือนต่อจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะเน้น 6 มาตรการเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการเพื่อสนับสนุน
ภาคเกษตรต่อไป