กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ร่วมขับเคลื่อนงานโครงการเกษตรแปลงใหญ่
                นำบัญชีวางรากฐาน พัฒนาศักยภาพอาชีพเกษตรกร
 
         นายอำพันธุ์ เวฬุตันติ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ได้มีนโยบายในการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ภาคการเกษตร โดยการดูแลเกษตรกรให้มีรายได้ที่เหมาะสม
ด้วยวิธีต่าง ๆ ทั้งการลดต้นทุนการผลิต การช่วยเหลือในเรื่องปัจจัยการผลิตอย่างทั่วถึง การช่วยเหลือ
เกษตรกรรายย่อย รวมถึงการใช้กลไกการตลาดดูแลราคาสินค้าเกษตร โดยสนับสนุนให้เกษตรกรมีการรวม
กลุ่มทำการผลิต การบริหารจัดการร่วมกันและรวมกันจำหน่าย โครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบ
แปลงใหญ่ เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีวัตถุประสงค์เพื่อ
สนับสนุนให้เกษตรกรรายย่อยในพื้นที่ใกล้เคียงมีการรวมตัวกัน เพื่อร่วมกันผลิตสินค้าเกษตร ร่วมกันบริหาร
จัดการ รวมถึงร่วมกันจำหน่าย ซึ่งจะทำให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต เชื่อมโยงตลาดได้
มากขึ้นและเพิ่มโอกาสในการแข่งขัน โดยมีหน่วยงานภาครัฐและภาคีเครือข่ายให้การสนับสนุน ทั้งนี้รายงาน
ตัวเลข ณ วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๕ มีจำนวนเกษตรแปลงใหญ่ ตั้งแต่ปี ๒๕๕๙ - ๒๕๖๕ จำนวน ๘,๙๔๒
แปลง จำนวนเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ ๔๙๖,๕๕๙ ราย คิดเป็นพื้นที่รวม ๘,๐๑๒,๓๒๕ ไร่
        ทั้งนี้ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้ร่วมเป็นหน่วยงานสนับสนุนการดำเนินงานในโครงการระบบส่งเสริม
การเกษตรแบบแปลงใหญ่ โดยบูรณาการขับเคลื่อนการนำระบบบัญชีไปวางรากฐานในการสร้างความเข้มแข็ง
ให้แก่เกษตรกร สามารถจัดทำบัญชีรับ - จ่าย ในครัวเรือน และบัญชีต้นทุนประกอบอาชีพ และนำข้อมูลทาง
บัญชีไปใช้ในการบริหารจัดการภาคการเกษตรได้ รู้รายรับ รายจ่าย สามารถวางแผนการผลิตและการตลาด
ให้ตรงตามช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยมีอาสาสมัครเกษตรด้านบัญชี เป็นกำลังสำคัญในการถ่ายทอดความรู้ด้าน
การจัดทำบัญชีรายบุคคลอย่างเข็มแข็ง มุ่งสร้างเกษตรกรที่สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลทางบัญชีในการ
เพิ่มศักยภาพในการประกอบธุรกิจรายสินค้าตามรายอาชีพ ในพื้นที่แปลงใหญ่ได้อย่างเป็นรูปธรรม
        อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวอีกว่า กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้สร้างเสริมความรู้การจัดทำบัญชี
แก่เกษตรกรและสมาชิกสถาบันเกษตรกร ด้วยการอบรมการจัดทำบัญชีต้นทุนประกอบอาชีพ พร้อมกำกับแนะนำ
และติดตามการทำบัญชีของสมาชิกแปลงใหญ่ โดยเน้นให้ทำบัญชีได้ ใช้ข้อมูลทางบัญชีเป็นและสามารถจัดทำ
บัญชีเป็นประจำสม่ำเสมอและยั่งยืน เพื่อให้เกษตรกรมีความรู้ความเข้าใจ สามารถจัดทำบัญชีและวิเคราะห์
ต้นทุนอาชีพได้อย่างถูกต้อง สามารถนำข้อมูลทางบัญชีไปใช้ประโยชน์ในการประกอบอาชีพได้อย่างเหมาะสม
และมีการปรับเปลี่ยนอาชีพ ลดต้นทุนการผลิต เพิ่มรายได้และสร้างเงินออม โดยในปีงบประมาณ ๒๕๖๕
เกษตรกรเป้าหมายได้รับการพัฒนาความรู้ด้านการจัดทำบัญชีต้นทุนอาชีพ จำนวน ๑๕,๗๐๒ คน คิดเป็นร้อยละ
๑๐๐.๐๑ ของจำนวนเป้าหมาย และเกษตรกรที่มีความรู้และความเข้าใจ ในการจัดทำบัญชี จำนวน ๑๑,๐๖๐ คน
คิดเป็นร้อยละ ๗๐.๔๔ ของจำนวนเป้าหมาย (ข้อมูล ณ วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๕) ซึ่งกรมฯ จะมีการวิเคราะห์
ผลการดำเนินงาน เพื่อปรับปรุงแนวทางการพัฒนางานส่งเสริมการจัดทำบัญชีให้บรรลุเป้าหมาย และสรุปประเมิน
ผลโครงการ ซึ่งจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ ๔ ของปีงบประมาณ ๒๕๖๕
         "กรมฯ มีเครือข่ายที่สำคัญ คือ ครูบัญชีอาสา ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 7,636 คน ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่ว
ประเทศ ช่วยเข้าไปสอนแนะนำการทำบัญชีให้เกษตรกรเหล่านี้สามารถใช้ข้อมูลจากบัญชีวิเคราะห์ ปรับเปลี่ยนวิธี
การผลิตและปรับเปลี่ยนอาชีพได้อย่างเหมาะสม ตลอดจนรู้ทุนต้นกำไรที่แท้จริงของตนเองได้” อธิบดีกรมตรวจ
บัญชีสหกรณ์ กล่าว
          ด้านนายเกียรติศักดิ์ กายสุต ประธานเครือข่ายคณะกรรมการแปลงใหญ่ จังหวัดนครสวรรค์
กล่าวว่า จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้บริษัท โรงงาน ห้างร้านต่าง ๆ ปิดตัวลง ทำให้ลูกหลาน
ที่ทำงานในเมือง กลับมาที่ภูมิลำเนาเพิ่มมากขึ้น เพื่อมาทำอาชีพเกษตรกรสานต่ออาชีพดั้งเดิมของครอบครัว
คนกลุ่มนี้ให้ความสำคัญในเรื่องการทำบัญชีมากกว่าคนรุ่นเก่า นอกจากเรื่องบัญชีแล้ว ยังให้ความสนใจในเรื่อง
การแปรรูปเพิ่มมูลค่าผลผลิตและเรื่องของตลาดอีกด้วย” ประธานเครือข่ายคณะกรรมการแปลงใหญ่ จังหวัด
นครสวรรค์ กล่าว