กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เดินหน้าพัฒนาครูบัญชีอาสาสู่ Smart Farmer
ต่อยอดองค์ความรู้ทางบัญชีสู่เกษตรกร
 
        นายอำพันธุ์ เวฬุตันติ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
มีนโยบายในการสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนให้เกษตรกรตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
โดยมีอาสาสมัครเกษตรทุกประเภท ทำหน้าที่ประสานการดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร
ร่วมกับหน่วยงานในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้เกิดการบูรณาการงานส่งเสริมและพัฒนาการ
เกษตรสู่ชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน เกษตรกรได้รับการบริการทางการเกษตรจากภาครัฐ
ได้อย่างรวดเร็ว ครบถ้วน ทั้งด้านการเผยแพร่ความรู้ ถ่ายทอดเทคโนโลยี พร้อมทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์
 งานนโยบายด้านการเกษตรสู่ชุมชนและครัวเรือน โดยมุ่งเน้นการให้บริการแก่เกษตรกรได้อย่างรวดเร็ว
ทั่วถึง แม่นยำ ประสานความช่วยเหลือเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพ ในส่วนของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
ได้ดำเนินงานขับเคลื่อนการนำระบบบัญชีไปวางรากฐานในการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกร
และสถาบันเกษตรกร โดยสร้างแกนนำเกษตรกร เป็นอาสาสมัครเกษตรด้านบัญชี (ครูบัญชี)
เพื่อทำหน้าที่ถ่ายทอดความรู้ด้านการจัดทำบัญชี การใช้ข้อมูลทางบัญชีเพื่อการวางแผนอาชีพ การลด
รายจ่าย เพิ่มรายได้ สู่เพื่อนเกษตรกรและประชาชนทั่วไป สามารถทำให้เกษตรกรและสมาชิกในชุมชน
ยึดถือเป็นแบบอย่างที่ดี รวมถึงการสร้างเครือข่ายถ่ายทอดความรู้แก่เกษตรกรในชุมชนของตนเองและ
พื้นที่ต่าง ๆ ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยกรมฯ ได้กำหนดแผนการส่งเสริมการพัฒนาเครือข่ายด้านบัญชี
เพื่อพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครเกษตรด้านบัญชีหรือครูบัญชีให้เป็น Smart Farmer ด้านบัญชี เป็นต้นแบบ
ในการถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านการจัดทำบัญชีและการนำบัญชีมาใช้ประโยชน์ในการ
วางแผนการผลิต จำหน่ายผลผลิตแก่เกษตรกร ส่งเสริมให้มีครูบัญชีประจำศูนย์การเรียนรู้ ให้สามารถ
ให้บริการความรู้ด้านการจัดทำบัญชีแก่เกษตรกรที่ขอรับบริการ เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่มีส่วนร่วม
ในการทำงานและสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนของตนเอง รวมถึงการขยายเครือข่ายชมรมครูบัญชีอาสา
ทั้งในระดับภาคและระดับประเทศ เพื่อให้ครูบัญชีได้มีการรวมกลุ่ม แลกเปลี่ยนแนวทางในการถ่ายทอด
ความรู้เพื่อสร้างเครือข่ายในชุมชน โดยยกระดับและพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานให้มีความเข้มแข็ง
และกว้างขวางยิ่งขึ้น เพื่อเป็นเครือข่ายที่สำคัญในการช่วยขับเคลื่อนการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร
และสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคการเกษตรต่อไป
          อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีครูบัญชีที่ขึ้นทะเบียนและปฏิบัติงานกับกรม
ตรวจบัญชีสหกรณ์ จำนวน 7,636 ราย ในแต่ละปีกรมฯ จะคัดเลือกครูบัญชีที่มีความรู้ ความสามารถและ
มีความเชี่ยวชาญในการประกอบอาชีพด้านการเกษตรควบคู่กับการนำบัญชีไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
สามารถนำข้อมูลทางบัญชีไปใช้ในการวางแผนประกอบอาชีพ และถ่ายทอดองค์ความรู้สู่เครือข่ายใน
ชุมชนให้เข้มแข็ง มีภูมิคุ้มกัน และพึ่งพาตนเองได้ เพื่อคัดเลือกให้เป็นเกษตรกรดีเด่น สาขาบัญชีฟาร์ม
ระดับภาค และระดับประเทศ เพื่อยกย่องประกาศเกียรติคุณและเผยแพร่ผลงานให้ปรากฏต่อสาธารณชน
เป็นการเสริมสร้างให้เกิดขวัญกำลังใจในการสร้างผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมยิ่งขึ้นและเป็น
แบบอย่างในแนวทางปฏิบัติงานให้บุคคลอื่นต่อไป โดยจะต้องเป็นครูบัญชีอาสาที่ขึ้นทะเบียนกับกรมตรวจ
บัญชีสหกรณ์และเป็นผู้ที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก ที่สำคัญคือ มีการจัดทำบัญชีฟาร์มอย่าง
ต่อเนื่อง ได้แก่ บัญชีรับ - จ่ายในครัวเรือน และบัญชีต้นทุนประกอบอาชีพ มีการนำข้อมูลทางบัญชีมาใช้
ในการวางแผนหรือปรับเปลี่ยนอาชีพ พร้อมทั้งได้เผยแพร่ให้แก่ส่วนรวมนำไปใช้ประโยชน์ สมควรแก่การ
ยกย่องให้เป็นตัวอย่างแก่บุคคลอื่น โดยคณะกรรมการมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาจากความคิดริเริ่มและ
ความพยายามฟันฝ่าอุปสรรคจนประสบผลสำเร็จในการสร้างผลงานด้านบัญชีฟาร์มทั้งเชิงปริมาณและเชิง
คุณภาพ นอกจากนี้ เพื่อเป็นเกียรติแก่อาสาสมัครเกษตรด้านบัญชี ซึ่งถือเป็นตัวแทนภาคประชาชนของ
กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ในการปฏิบัติงานส่งเสริมการจัดทำบัญชีรายบุคคล กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จึงได้
กำหนดให้วันที่ 9 พฤษภาคม ของทุกปีเป็น "วันครูบัญชีอาสา กรมตรวจบัญชีสหกรณ์” นับตั้งแต่ปี 2565
เป็นต้นไป
          สำหรับเกษตรกรดีเด่นสาขาบัญชีฟาร์ม ระดับประเทศ ประจำปี 2565 ได้แก่ นายอดุลย์
วิเชียรชัย เกษตรกรดีเด่นจากจังหวัดปทุมธานี เป็นคนรุ่นใหม่ที่กลับมาทำอาชีพการเกษตร โดยปรับ
เปลี่ยนแนวทางการทำเกษตรจากการใช้สารเคมีมาเป็นการเกษตรแบบผสมผสาน ปลอดสารเคมี ด้วยการ
น้อมนำหลักปรัชญาในเรื่องเกษตรทฤษฎีใหม่ของในหลวงรัชกาลที่ 9 รวมถึงศาสตร์พระราชาและหลัก
ทฤษฎีอื่น ๆ มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด บนพื้นที่ 26 ไร่ ของตนเองจนประสบผลสำเร็จให้เห็น
ในเชิงประจักษ์ ได้รับการแต่งตั้งเป็นปราชญ์ชาวบ้านภายใต้โครงการเกษตรตามแนวทางทฤษฎีใหม่
โดยนำข้อมูลที่ได้จากการจดบันทึกบัญชีรายรับ – รายจ่ายในครัวเรือนและบัญชีต้นทุนประกอบอาชีพ
นำมาสู่การวิเคราะห์เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำเกษตร ลดต้นทุนและสร้างรายได้เสริม มีการแปรรูป
เพื่อเพิ่มมูลค่าให้สินค้าเกษตร การเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์ และการเชื่อมโยงตลาด
ไปยังเครือข่ายภายนอก โดยการนำสินค้าไปจำหน่ายใน กลุ่มเครือข่าย เพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกสำหรับ
การบริโภคสินค้าเกษตรปลอดภัย และได้ถ่ายทอดความรู้การใช้ข้อมูลทางบัญชีของตนเองเป็นบทเรียน
ให้แก่สมาชิกในชุมชนได้เลือกอาชีพเสริมในด้านที่ตนเองสามารถทำได้ ทำให้เกิดการจัดตั้ง กลุ่มวิสาหกิจ
ชุมชนขึ้น ในตำบลคลองหก ชื่อว่า "วิสาหกิจชุมชนเกษตรแปรรูปหมู่ 14” และใช้แนวคิดการให้ความรู้ทาง
บัญชีอย่างง่าย "บัญชี คือ การออกแบบชีวิต” ถ่ายทอดความรู้ให้เกษตรกรและผู้ที่สนใจในศูนย์เรียนรู้การ
เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร อำเภอหนองเสือ จึงเป็นผลสำเร็จที่เกิดจากการนำบัญชีไปใช้
วางแผนการใช้จ่ายเงิน วางแผนประกอบอาชีพ สามารถบริหารจัดการทุนได้มีประสิทธิภาพ และบริหาร
การตลาดจนประสบผลสำเร็จ สามารถสร้างผลงานด้านบัญชีฟาร์มทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ