กตส.รุกเสริมสร้างองค์ความรู้การควบคุมภายใน
ชี้เป็นวัคซีนสร้างความเข้มแข็ง ป้องกันความเสี่ยงการทุจริตในสหกรณ์
กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เดินหน้าเสริมสร้างองค์ความรู้
พร้อมสร้างกลไกระบบควบคุมภายในที่มีประสิทธิภาพให้สหกรณ์ ชี้เป็นวัคซีนป้องกันภัยในสหกรณ์และช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความศรัทธาแก่สมาชิก
       นายโอภาส ทองยงค์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวว่า ปัจจุบันสหกรณ์ นับเป็นสถาบัน ทางเศรษฐกิจและสังคมที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจของไทย เนื่องจากมีการดำเนินธุรกิจที่หลากหลายเทียบเท่าภาคเอกชนและมีเงินทุนหมุนเวียนจำนวนมหาศาลโดยเฉพาะสหกรณ์ประเภทการเกษตรที่มีการดำเนินธุรกิจที่หลากหลายและมีความ
ซับซ้อนมากขึ้น โดยมีปริมาณธุรกิจรวมกว่า ๓ แสนล้านบาท ซึ่งอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงของปัญหาการทุจริตของสหกรณ์ในรูปแบบต่าง ๆ ที่ใช้วิธีการที่แยบยลและตรวจสอบยากยิ่งขึ้น ที่ผ่านมา กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้ดำเนินงานตามภารกิจในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรและสนองการดำเนินงานตามนโยบายของนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เน้นย้ำให้ตรวจสอบการดำเนินงานของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรอย่างเคร่งครัด โดยแนะนำหรือชี้แนะแนวทางการแก้ไขปัญหา ข้อบกพร่องต่าง ๆ ให้สหกรณ์ได้นำไปปรับปรุงแก้ไขก่อนจะเกิดความเสียหายในอนาคต เพื่อให้การดำเนินงานของสหกรณ์มีประสิทธิภาพ มีความโปร่งใสและเป็นที่พึ่งให้กับสมาชิกอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดความเสี่ยงของการทุจริตในสหกรณ์ โดยเฉพาะในสหกรณ์ภาคการเกษตร มาจากคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ที่อาจจะขาดความรู้ในการบริหารจัดการสหกรณ์และการทําธุรกิจ บางแห่งการบริหารงานขึ้นอยู่กับผู้จัดการสหกรณ์ รวมทั้งผู้จัดการที่ไม่มีการติดตามและตรวจสอบการปฏิบัติงานของหัวหน้าฝ่ายการตลาด เป็นต้น
        การเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการควบคุมภายใน ให้คณะกรรมการดำเนินการของสหกรณ์ รู้เท่าทันสถานการณ์ของสหกรณ์ในยุคปัจจุบัน สามารถวิเคราะห์ความเสี่ยงของสหกรณ์เองได้อย่างสม่ำเสมอ มีการคิดเป็นกระบวนการในเชิงป้องกันและลดข้อผิดพลาดในการปฏิบัติงาน เป็นเครื่องมือในการจัดการที่ถูกนำมาช่วยในการบริหารงานและเป็นกลไกพื้นฐานสำคัญของกระบวนการกำกับดูแลการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของสหกรณ์ให้เป็นไปอย่างถูกต้องและเหมาะสม เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ บรรลุตามวัตถุประสงค์ และเป็นเครื่องมือช่วยในการป้องกันและดูแลทรัพย์สินของสหกรณ์ไม่ให้เกิดความเสียหาย ช่วยให้งานตรวจสอบบัญชีของผู้สอบบัญชีสหกรณ์ประหยัดเวลาและลดค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบบัญชีและงบการเงินของสหกรณ์ ทั้งนี้ การควบคุมภายในที่เหมาะสมยังเป็นหลักฐานอย่างหนึ่งที่แสดงถึงความถูกต้องของข้อมูลทางบัญชีและงบการเงิน ส่งผลให้สหกรณ์มีความมั่นคง สมาชิกและบุคคลภายนอกที่ทำธุรกรรมกับสหกรณ์มีความเชื่อถือสหกรณ์มากขึ้น จึงเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงปัญหาการทุจริตและช่วยให้ การดำเนินงานของสหกรณ์มีประสิทธิภาพมากขึ้น
        อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวอีกว่ากรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้เร่งเสริมองค์ความรู้ด้านการควบคุมภายในให้สหกรณ์มาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การจัดโครงการอบรมให้ผู้สอบบัญชีนำเสนอผลการวิเคราะห์ความเสี่ยงของสหกรณ์ต่อคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ จุดอ่อนการควบคุมภายในที่เป็นจุดเสี่ยงของสหกรณ์และวิเคราะห์ความเสี่ยงของสหกรณ์ร่วมกัน ควบคู่กับการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการบันทึกบัญชีและประมวลผลข้อมูล หรือใช้ข้อมูลที่ผู้สอบบัญชีได้จากการตรวจสอบและวิเคราะห์งบการเงินของสหกรณ์มาใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เป็นต้น ซึ่งการเสริมสร้างองค์ความรู้ดังกล่าว จะเป็นการสร้างกระบวนความคิดและทำให้ตระหนักถึงสิ่งที่ปฏิบัติอยู่ว่า มีความเสี่ยงอยู่หรือไม่ ความเสียหายที่มีโอกาสเกิดขึ้นมีมากน้อยเพียงใดเพื่อเป็นกระบวนการในเชิงป้องกันและลดข้อผิดพลาดในการปฏิบัติงาน อันจะส่งผลให้การดำเนินงานสหกรณ์มีประสิทธิภาพ มีระบบการควบคุมภายในที่ดียิ่งขึ้น ป้องปรามปัญหาการทุจริตที่อาจเกิดขึ้นและสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาแก่สมาชิกและบุคคลภายนอกได้
         "การเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการควบคุมภายในให้สหกรณ์เป็นกลไกหนึ่งที่ช่วยสร้างความเข้มแข็งให้สหกรณ์ แต่อีกองค์ประกอบที่สำคัญก็คือ สมาชิกสหกรณ์ ซึ่งเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากสหกรณ์โดยตรง ต้องคำนึงถึงหลักการเป็นเจ้าของสหกรณ์ร่วมกัน โดยช่วยกันตรวจสอบการดำเนินงานของสหกรณ์และการทำธุรกรรมของตนเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงและพัฒนาการบริหารงานของสหกรณ์ อันจะเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงและสร้างความ
เข้มแข็งที่แท้จริงให้กับสหกรณ์” อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าว