กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ "ทิศทางการขับเคลื่อน
ภารกิจกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ปี 2564” มุ่งนำพาสหกรณ์ มีความเข้มแข็ง
ด้านการเงินการบัญชีและเกษตรกรมีภูมิคุ้มกันทางการเงิน
 
     กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จัดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง "ทิศทางการขับเคลื่อนภารกิจกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ปี 2564” 
เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจและมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนภารกิจสามารถปฏิบัติงานตามกรอบแนวทางการปฏิบัติงานที่กำหนด
ไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยได้รับเกียรติจาก นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิด ณ โรงแรม มีพรสวรรค์ แกรนด์ โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร
       นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้กำหนดยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับสหกรณ์ สถาบันเกษตรกร และเกษตรกร เพื่อช่วยแก้ปัญหาและพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนผ่านระบบสหกรณ์ อันจะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศชาติ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม ช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนในการประกอบอาชีพ และช่วยส่งเสริมการออม เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย มีวินัยทางการเงินที่ดี สร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชน กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จึงเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญต่อการเสริมสร้างความเข้มแข็ง ให้กับสถาบันเกษตรกรและกลุ่มเกษตรกร ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศ ให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน ทั้งในด้านของการสอบบัญชีและวางระบบบัญชีให้กับสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร สามารถจัดทำบัญชีและงบการเงินได้ และในด้านการบัญชีให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการต่าง ๆ ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อช่วยให้เกษตรกรรู้รายรับ รายจ่าย มองเห็นช่องทางในการลดต้นทุนการผลิต ลดรายจ่าย ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ช่วยส่งเสริมการออม และสร้างวินัยทางการเงินที่ดี อันเป็น การช่วยให้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่มั่นคง สามารถพึ่งพาตนเองได้ รวมไปถึงการสร้างเสริมองค์ความรู้ทางบัญชี สู่เยาวชนและประชาชนทั่วไป ให้ได้เรียนรู้การจัดทำบัญชี เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการประเมินและวางแผนการจัดระเบียบรายรับ รายจ่าย ช่วยแก้ปัญหาหนี้สิน รู้จักความพอมี พอกิน พอใช้ เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันที่เข้มแข็งแก่ตนเองและครอบครัว ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
        ทั้งนี้ ในปัจจุบันสหกรณ์ได้เข้ามามีบทบาทในภาคการเงินของประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของเงินรับฝากและสินเชื่อ ซึ่งหากธุรกิจของสหกรณ์เกิดความคลอนแคลน ก็อาจส่งผลกระทบต่อระบบการเงินและการธนาคารของประเทศ และเนื่องจากเป็นสถาบันที่อยู่ใกล้ชิดกับประชาชน หากเกิดการทุจริตจะก่อให้เกิดผลกระทบและ ความเสียหายต่อประชาชนโดยตรง จึงมอบนโยบายให้กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ มุ่งเน้นการทำงานตรวจสอบระบบการเงิน การบัญชี การควบคุมภายใน และการดำเนินงานของสหกรณ์ ให้โปร่งใส ปราศจากการทุจริต เป็นไปตามมาตรฐาน และมีความรู้เท่าทันเทคโนโลยี ซึ่งหากสามารถตรวจพบแต่เนิ่น ๆ และอย่างทันท่วงที ก็จะสามารถระงับยับยั้ง หรือบรรเทาความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่พี่น้องประชาชนได้ นอกจากนี้ ได้มุ่งหวังให้บุคลากรผู้ปฏิบัติงานทุกภาคส่วนของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยต่าง ๆ มีการพัฒนาตนเองสู่ความเป็นมืออาชีพ รวมทั้งเตรียมความพร้อมสู่การปรับเปลี่ยนเป็นองค์กรดิจิทัล เพื่อให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และรูปแบบการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ที่มีความสลับซับซ้อนมากขึ้นทุกวัน และร่วมกันบูรณาการเสริมสร้างความเข้มแข็งและนำพาสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตของ พี่น้องเกษตรกรไทย
         นายโอภาส ทองยงค์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวว่า กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้กำหนดแผนกลยุทธ์กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เพื่อเป็นกรอบทิศทางการขับเคลื่อนภารกิจของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ให้สอดคล้องกับเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ระดับชาติ ตอบสนองต่อนโยบายรัฐบาล และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ให้ความสำคัญ ในการพัฒนาภาคเกษตรให้มีความเข้มแข็งและสามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน โดยกำหนดโมเดลการพัฒนาเป็น "CAD 4.0 : Value – Based Strategies” ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้วยนวัตกรรม เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ "ภายในปี 2565 สหกรณ์และเกษตรกรมีความเข้มแข็งด้านการเงินการบัญชีที่มีคุณภาพ เชื่อถือได้” มุ่งเป้าหมายการบริการ คือ สหกรณ์มีความเข้มแข็งด้านการเงินการบัญชี และเกษตรกรมีภูมิคุ้มกันทางการเงิน ประกอบด้วยกลยุทธ 3 ด้าน คือ 1.พัฒนาความเข้มแข็งด้านการเงินการบัญชีแกสหกรณ์และสถาบันเกษตรกร มุ่งเน้นด้านการทํางานการสอบบัญชีของสถาบันเกษตรกรเป็นหลัก 2.ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพการจัดทำบัญชีแก่เกษตรกร มุ่งเน้นด้านการทํางานการสอนจัดทําบัญชีแก่เกษตรกรและประชาชนทั่วไป เพื่อสร้างวินัยในการใช้จ่ายและสร้างความเคยชินในการ
ออม นำมาสู่ การพัฒนาที่ยั่งยืน และ 3.พัฒนาระบบการบริหารจัดการสู่องค์กรดิจิทัล มุ่งเน้น
ด้านการพัฒนาองค์กรให้ทันสมัย รองรับการเปลี่ยนแปลงพร้อมให้บริการแบบมืออาชีพ
       ในปีงบประมาณ 2564 กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ มีเป้าหมายในการพัฒนามาตรฐานการบัญชีและการสอบบัญชีแก่สหกรณ์และสถาบันเกษตรกร เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงและมุ่งสูมาตรฐานสากล อาทิ การพัฒนาระบบการควบคุมคุณภาพการสอบบัญชี เพื่อเพิ่มศักยภาพการจัดทําบัญชีและงบการเงิน ยกระดับชั้นคุณภาพการควบคุมภายใน การพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการดําเนินงานของสหกรณ์และสถาบันเกษตรกร ให้สามารถนําข้อมูลทางบัญชีมาใช้
ในการบริหารจัดการ สามารถพึ่งพาตนเองได้ ก่อให้เกิดประโยชน์แก่สมาชิกสหกรณและสถาบันเกษตรกรได้อย่างสูงสุด นอกจากนี้ ได้พัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพระบบศูนย์ข้อมูลสารสนเทศทางการเงินของสหกรณ์ เพื่อใหสมาชิก ผู้บริหาร ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและหนวยงานภาครัฐ ได้รับรู้ถึงการขับเคลื่อนของภาคสหกรณ์ไทยต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ และให้สหกรณ์ได้ใช้ประโยชน์จากการนำข้อมูลดังกล่าวไปวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน สถานภาพความผิดปกติทางการเงิน แนวโน้มการบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว รวมไปถึงการพัฒนาโปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์ ให้มีประสิทธิภาพ ทันกับสถานการณ์ ที่เปลี่ยนแปลงและมีความพร้อมการใช้งานได้
ต่อเนื่อง โดยการยกระดับโปรแกรมระบบบัญชีที่พัฒนาโดยกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ให้รองรับการชําระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์  (National e - Payment) รองรับการทํางานรูปแบบ Cloud และยกระดับสหกรณ์ที่ดําเนินธุรกิจรวบรวมและแปรรูปผลิตผลทางการเกษตร โดยนําร่องสินค้ากาแฟและน้ำนมดิบ อีกทั้งการพัฒนาและปรับปรุงนวัตกรรมเพื่อสร้างข้อมูลที่มีคุณค่า (Smart4M) ให้มีเสถียรภาพเพิ่มขึ้น เป็นต้น ที่สำคัญคือ การพัฒนาบุคลากรกรมตรวจบัญชีสหกรณ์สู่ความเป็นมืออาชีพ เตรียมความพร้อมสู่การปรับเปลี่ยนเป็นองค์กรดิจิทัลในอนาคต
      การจัดโครงการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง "ทิศทางการขับเคลื่อนภารกิจกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ปี 2564” ระหว่างวันที่ 17 – 19 ตุลาคม 2563 จึงเป็นการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจและมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนภารกิจ สามารถปฏิบัติงานตามกรอบแนวทางการปฏิบัติงานที่กำหนดได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด บุคลากรของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์โดยเฉพาะผู้บริหารในทุกระดับ มีความรู้ ความเข้าใจ ในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งด้านงานเทคนิค งานบูรณาการ และงานด้านนโยบายของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นในทิศทางเดียวกัน