กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ สนองนโยบายรมว.กษ.ขับเคลื่อนแนวคิด
     การยกกระดาษ A4 ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร
 
    นางบริสุทธิ์ เปรมประพันธ์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวว่า จากนโยบายของพลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มอบนโยบายว่าด้วยการยกกระดาษ A4 ให้ทุกหน่วยงานในสังกัดนำไปปฏิบัติ ตามแนวคิดเปรียบกระดาษ A4 เสมือนพื้นที่หรือทรัพยากรของประเทศไทย จำนวน 149 ล้านไร่ ที่มีจำกัด จึงจำเป็นที่ผู้ปฏิบัติงานต้องร่วมมือร่วมใจกันพัฒนาและใช้พื้นที่เกษตรกรรมที่มีจำกัดนี้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยพัฒนาเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสร้างรายได้ เพิ่มผลผลิตภัณฑ์ในประเทศมากขึ้น สร้างแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย ภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง บูรณาการงานสู่ 13 นโยบายหลัก (Agenda) และ Area โดยนำนวัตกรรมเทคโนโลยีและองค์ความรู้ เข้ามาช่วยขับเคลื่อนให้สินค้ามีคุณภาพ มีตลาดรองรับ สามารถลดต้นทุนได้ 20% เพิ่มผลผลิตได้ 20% เพื่อไปสู่เป้าหมายปลายทางคือ คุณภาพชีวิตของเกษตรกรดีขึ้น รายได้เพิ่มขึ้น หนี้สินลดลง และมีความภาคภูมิใจในอาชีพเกษตรกร ที่สร้างรายได้หลักให้ประเทศ ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปในแนวทางเดียวกัน กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จึงจัดให้มีการประชุมการเชื่อมโยงงานตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้แนวคิดเพื่อยกระดับกระดาษ A4 สู่การปฏิบัติงานของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ผ่านระบบ Web Conference เพื่อชี้แจงถึงแผนการเชื่อมโยงงานตามนโยบาย ยกกระดาษ A4 โดยมีผู้บริหาร และบุคลากรในสังกัดทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ได้ร่วมรับฟังนโยบายและนำไปสู่การปฏิบัติงานสนองตามนโยบาย
         อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวว่า กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้มีแนวทางในการดำเนินการขับเคลื่อนงานตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องใน 5 ประเด็น คือ 1.) ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ปัจจุบันมี 882 ศูนย์ ซึ่งกรมฯ ได้เข้าดำเนินการพัฒนาฐานเรียนรู้ด้านบัญชีและสร้างครูบัญชีประจำศูนย์ (เน้นเจ้าของ) ศูนย์ละ 2 คน เพื่อทำหน้าที่ให้บริการความรู้ด้านการจัดทำบัญชีแก่เกษตรกรผู้เข้ารับบริการ โดยหวังผลสำเร็จให้เกษตรกรภายใต้ ศพก.สามารถจัดทำบัญชีได้ อย่างน้อย ศูนย์ละ 30 ราย 2.) โครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ โดยกรมฯ มีภารกิจสำคัญใน 2 ส่วนคือ การอบรมการจัดทำบัญชีต้นทุนอาชีพแก่เกษตรกรสมาชิกแปลงใหญ่ เป้าหมาย 600 แปลง เกษตรกร 96,379 ราย และการพัฒนาการบริหารจัดการกลุ่มวิสาหกิจชุมชน โดยการเข้าวางรูปแบบบัญชีและวางระบบการควบคุมภายใน สอนแนะการจัดทำบัญชี งบทดลอง แก่วิสาหกิจชุมชนใหม่ จำนวน 177 แห่ง และสอนการจัดทำงบการเงินและการใช้ข้อมูลทางการเงินแก่วิสาหกิจชุมชนเก่า 30 แห่ง3.) เกษตรอินทรีย์ โดยขับเคลื่อนการจัดอบรมบัญชีต้นทุนอาชีพในพื้นที่ดำเนินการยโสธรโมเดล เพื่อช่วยยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตรและเพิ่มพื้นที่เกษตรอินทรีย์ 4.) เกษตรทฤษฎีใหม่ โดยการเข้าอบรมการจัดทำบัญชีต้นทุนอาชีพแก่เกษตรกรเป้าหมาย 70,000 ราย พร้อมทั้งร่วมขับเคลื่อนโครงการตามแนวทาง 5 ประสาน สืบสานเกษตรทฤษฎีใหม่ ถวายในหลวง ตามเป้าหมายที่ได้รับมอบจากกระทรวงฯ 2,750 ราย 5.) การยกระดับสถาบันเกษตรกรให้เข้มแข็งด้วยบัญชี มี 2 กลุ่มเป้าหมาย คือ สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชน
         "รัฐมนตรีว่าการฯ ได้เน้นย้ำให้ข้าราชการในสังกัดทุกหน่วยงานพัฒนาตนเองเป็น Smart Officer เพื่อร่วมกันพัฒนาเกษตรกรให้เป็น Smart Farmer เพื่อให้สามารถนำนโยบายและเทคโนโลยีไปปรับใช้ในพื้นที่ของตนเอง รวมทั้งยกระดับสถาบันเกษตรกรให้มีความเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพ เป็น Smart Group ซึ่งทั้ง 3 กลุ่มนี้ จะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายไปสู่ผลสัมฤทธิ์” อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าว.