นายสิงห์ทอง กล่าวว่า หากพิจารณาผลการดำเนินงานของร้านสหกรณ์ปี 2553 ถือว่า
อยู่ในเกณฑ์ดีพอสมควรโดยจะเห็นได้จากผลการดำเนินงานที่มีกำไรถึง 144 แห่ง ขาดทุน
เพียง 35 แห่ง มีกำไรสุทธิรวม 160.95 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.98 ของรายได้ นอกจากนี้
ในส่วนของสมาชิกร้านสหกรณ์ยังคงมีอัตราเพิ่มขึ้นในเชิงบวก จาก 715,753 รายในปี 2551
เพิ่มขึ้นเป็น 717,611 ราย ในปี 2553 และมีมูลค่าธุรกิจรวมทั้งสิ้น 5,472.18 ล้านบาท หรือ
เฉลี่ย 456.01 ล้านบาทต่อเดือน นอกจากนี้ด้านทุนดำเนินการของร้านสหกรณ์ในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา ยังคงทรงตัวในระดับ
สองพันกว่าล้านบาท ปรากฏว่าส่วนใหญ่เป็นทุนของสหกรณ์เอง และมีอัตราที่เพิ่มขึ้นอย่าง
ต่อเนื่องในทุกปี ส่วนปี 2553 ในส่วนของหนี้สินภายนอกมีเพียงร้อยละ 11.98 ของทุน
ดำเนินการลดลงร้อยละ 20.27 เมื่อเทียบกับปี 2552 ทุนส่วนใหญ่ยังถือเป็นเงินสดและเงิน
ฝากธนาคารร้อยละ 35.89 ส่วนหนึ่งลงทุนไปกับลูกหนี้การค้าร้อยละ 25.38 ในอสังหาริมทรัพย์
ร้อยละ 15.38 ลงทุนในหลักทรัพย์และตราสารร้อยละ 6.89 ในสินค้าและอื่นๆ ร้อยละ 16.46 ขณะนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมหารือถึงสถานการณ์ ร้านสหกรณ์ที่มีแนวโน้มลดลงทุกปี โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการ อาทิ ตัวแทน
จากกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
(ธ.ก.ส.) เพื่อศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาและพัฒนาระบบร้านสหกรณ์ อย่างไรก็ตามกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ได้นำเสนอปัญหาจากการตรวจสอบบัญชีสหกรณ์
พบว่า ร้านสหกรณ์มีปัญหาด้านระบบการควบคุมภายใน และการจัดทำบัญชีที่ไม่เป็นปัจจุบัน
ซึ่งสามารถตรวจสอบบัญชีได้เพียง 179 แห่ง หรือร้อยละ 63.03 ของร้านสหกรณ์ทั้งสิ้น และ
ขณะนี้ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์อยู่ระหว่างการรณรงค์ให้ร้านค้าสหกรณ์ทั่วประเทศใช้โปรแกรม
ระบบบัญชีสหกรณ์ร้านค้าที่กรมฯ ได้พัฒนาขึ้นมาให้สหกรณ์ใช้โดยไม่คิดมูลค่า ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงทันสมัยเทียบเท่าโปรแกรมระบบบัญชีของห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อ
ทั่วไป ซึ่งกรมฯ มั่นใจว่าโปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์ร้านค้าจะสามารถช่วยแก้ปัญหาด้านการ
จัดทำบัญชีและการปิดบัญชี รวมทั้งการจัดทำงบการเงินของสหกรณ์ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างให้
การบริหารงานของร้านสหกรณ์มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น |